9 ต.ค. 2564 38,660 11

วิธีใช้งาน eSIM กับ iPhone 13 และเครื่อง - อุปกรณ์ที่รองรับ (อัปเดตปี 2021)

วิธีใช้งาน eSIM กับ iPhone 13 และเครื่อง - อุปกรณ์ที่รองรับ (อัปเดตปี 2021)

ผู้ให้บริการในไทย AIS dtac True รองรับบริการ eSIM โดยเป็นซิมแบบฝังในตัวเครื่อง เหมาะกับคนที่อยากมี 2 ซิม หรือมากกว่า โดยถือเพียงเครื่องเดียว แต่ข้อสังเกตคือ บริการนี้ต้องไปติดต่อที่ศูนย์บริการเท่านั้น ยังไม่มีบริการออนไลน์ 

บทความนี้ อัปเดต เดือนตุลาคม 2564 (2021)

eSIM (อ่านว่า อีซิม) ย่อมาจาก Embedded-SIM หรือ Embedded Universal Integrated Circuit Card ทำให้ iPhone หรืออุปกรณ์ที่รองรับ ของเรามี 2 ซิม (หรือมากกว่า) ได้ โดยข้อมูลจากเว็บไซต์ Apple นำเสนอข้อมูล eSIM คือ ซิมดิจิทัล ที่ใช้บริการได้โดยไม่ต้องใช้ Nano-SIM ที่เป็นการ์ดจริงๆ รองรับการใช้งานบน iPhone 13 Pro Max, iPhone 13 Pro, iPhone 13 และ iPhone 13 mini ทำให้คุณสามารถใช้ซิมคู่กับ eSIM ที่ใช้งานอยู่ทั้ง 2 ตัว หรือ Nano-SIM และ eSIM ได้บน iPhone 12, iPhone 11, iPhone XS, iPhone XS Max และ iPhone XR ซึ่งมากับซิมคู่พร้อม Nano-SIM และ eSIM นั่นหมายความว่า ถ้าคุณมี iPhone XS ขึ้นไป สามารถใส่ 1 Nano-SIM + esim ส่วน iPhone 13 Series รองรับ eSIM แบบคู่

ข้อดี รองรับการ Add Profile (เลขหมาย) ได้สูงสุด  6 Profiles แต่ในการใช้งานจริงๆ สามารถเลือกใช้งานได้ครั้ง 1 Profile ดังนั้น รองรับได้สูงสุด 6 เบอร์ ไม่จำกัดค่าย (เฉพาะค่ายมือถือที่รองรับ)

eSIM ทำได้ทั้ง เปิดเบอร์ใหม่ ใช้เบอร์เดิม ย้ายค่าย รองรับทั้งเติมเงินและรายเดือน ยกเว้นบางแพ็กเกจที่ไม่เข้าร่วม eSIM ลองสอบถามผู้ให้บริการ ส่วนใหญ่จะเป็นพวก Share Plan ที่ไม่ร่วม eSIM


สิ่งที่ต้องมี

  • iPhone XS, iPhone XS Max, iPhone XR หรือใหม่กว่าที่ใช้ iOS 12.1 หรือใหม่กว่า
  • ผู้ให้บริการเครือข่าย Cellular ที่รองรับ eSIM (ปัจจุบันรองรับเฉพาะ AIS, dtac, True)
  • ตอนไปติดต่อที่ช้อป นำบัตรประชาชน + ตัวเครื่อง + ซิมเดิมปกติไปด้วย

ข้อจำกัด : ต้องติดต่อศูนย์บริการเท่านั้น ไม่สามารถทำรายการผ่านช่องทางออนไลน์ได้

ถ้าจะใช้ 5G กับซิมคู่ แนะนำให้ใช้งานบน iPhone 12, iPhone 12 mini, iPhone 12 Pro หรือ iPhone 12 Pro Max ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณมี iOS 14.5 หรือใหม่กว่า ซึ่งแน่นอนว่า iPhone 13 Pro Max, iPhone 13 Pro, iPhone 13 และ iPhone 13 mini ใช้งาน eSIM ได้ (รองรับ eSIM แบบคู่) แต่ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ

สำหรับ iPhone 13 Pro Max, iPhone 13 Pro, iPhone 13 รองรับ eSIM คู่ หมายถึงว่า ปกติเราจะต้องใช้ ซิมปกติ + eSIM เลือกใช้ครั้งละ 1  โปรไฟล์ หรือถ้าถอดซิมปกติออก จะใช้ eSIM ได้ครั้งละ 1 ซิม แต่ eSIM คู่ (ถ้าผู้ให้บริการรองรับ) สามารถใช้ eSIM + eSIM ได้เลย ไม่ต้องใส่ซิมปกติ ก็ใช้ eSIM 2 ซิมได้เลย

ข้อควรระวัง

  • ถ้าอยากใช้ eSIM ตอนเปิดบริการ ต้องไปที่ศูนย์บริการเท่านั้น แต่ถ้าจะเอาออก ลบออก ไปที่เมนูตั้งค่า [Setting] > เอาแผนบริการเซลลูลาร์ออก [Remove Cellular plan] สำหรับ iPhone
  • แต่ถ้าอยากกลับมาใช้ eSIM เบอร์นี้ ต้องติดต่อศูนย์บริการอีกครั้ง ดังนั้น อย่าเล่นแผลงๆ กด remove เล่น เพราะไม่สามารถเรียกกลับคืนได้ ถ้าจะเปิดใช้งานต้องไปศูนย์บริการเท่านั้น (แต่ถ้าไม่ได้ใช้ เช่น อยากปิดเน็ต ให้กด off จะไม่ใช่การ remove)
  • มือถือ 1 เครื่อง สามารถใส่ eSIM ได้สูงสุดถึง 6 เลขหมาย ได้ทุกเครือข่าย ทุกระบบ ทั้งเติมเงินและรายเดือน แต่ต้องเลือกสลับใช้งาน ทีละเลขหมาย (และขึ้นอยู่กับแพ็กเกจที่ใช้งานว่ารองรับ eSIM หรือไม่)
  • แพ็กเกจที่เป็น Multi SIM ของทุกค่าย สามารถทำได้ที่ซิมหลักเท่านั้น

จะบอกว่า ไม่ใช่แค่ iPhone แต่ iPad ก็รองรับ eSIM เช่นกัน (เฉพาะรุ่น Cellular) แนะนำให้ตรวจสอบกับศูนย์บริการอีกครั้ง

บางคนใช้เบอร์หลักเป็น eSIM พอไปต่างประเทศก็ซื้อซิมท้องถิ่นใส่แล้วก็ใช้งานได้เลย ส่วนซิมไทยก็ปิดไว้ เอาไว้แค่เปิดตอนจำเป็นต้องใช้ OTP จริงๆ (ต้องเปิดโรมมิ่ง)

ข้อจำกัด : ซิมการ์ด [Physical SIM] จะถูกตั้งค่าเป็น ซิมหลัก [Primary] และ eSIM เป็นซิมรอง [Secondary] เสมอ แต่สามารถ On / Off ได้ แต่ถ้าเราถอดซิมหลักออก (ซิมการ์ดปกติ) ซิมที่เป็น eSIM จะ Active เป็นซิมหลักแทน

เงื่อนไข ทุกค่ายต้องไปที่ศูนย์บริการ ก็เพราะว่า จะต้องทำการโหลด eSIM เพื่อฝังในเครื่องมือถือและอุปกรณ์ โดยการสแกน QR code ซึ่งทำได้ครั้งเดียว โดยข้อควรระวังคือ ต้องสแกน QR code ให้เต็มรูป เนื่องจากระบบจะไม่สามารถเพิ่มแผนบริการเซลลูลาร์ได้ หากสแกน QR Code ไม่ครบถ้วน (แล้วส QR Code นั้นก็เสียไป ต้องออก QR Code ใหม่)

เบอร์ที่ทำ eSIM ใช้งาน โทร เล่นเน็ต SMS ได้ตามปกติเลย เราสามารถเปิดปิดซิมได้จากเมนูเครือข่ายของมือถือได้เอง แต่ถ้าจะย้ายเครื่องจะต้องย้าย eSIM ด้วย เช่น ซื้อ iPhone 13 Series รุ่นใหม่ ก็จะต้องย้าย eSIM ด้วย เพราะมันจะติดเครื่องนั้นไปเลย หรือถ้าเราขายเครื่องก็ต้องลบ eSIM ก่อน (ถ้า “ย้าย” ต้องติดต่อศูนย์บริการ แต่ถ้า “ลบ” กดลบเองได้เลย แต่พอจะใช้ต้องไปศูนย์บริการ เพราะต้องมี QR Code) 

AIS


บริการ eSIM ฟรี ไม่เสียค่าบริการ

รุ่นที่รองรับ

Apple

มือถือ: iPhone XR, iPhone XS, iPhone XS Max, iPhone 11, iPhone 11 Pro, iPhone 11 Pro Max หรือรุ่นที่ใหม่กว่า

อุปกรณ์:

iPad [Wi-Fi + Cellular]

iPad Pro 11, iPad Pro 12.9 , iPad Pro 11 [รุ่นที่ 2], iPad Pro 12.9 [รุ่นที่ 4], iPad Air 3, iPad mini 5, iPad 7th Gen 10.2 [รุ่นที่ 7] หรือรุ่นที่ใหม่กว่า

iWatch

Watch Series 3, Watch Series 4, Watch Series 5 หรือรุ่นที่ใหม่กว่า

Samsung

มือถือ: Galaxy Fold, Galaxy Z Flip, S20, S20 Plus, S20 Ultra 5G หรือรุ่นที่ใหม่กว่า

อุปกรณ์: Galaxy Watch, Galaxy Watch Active 2 ขึ้นไป

ช่องทางติดต่อขอรับบริการ eSIM

  • ทุกซิม ติดต่อ AIS shop
  • ถ้าจะซื้อ eSIM ออนไลน์ รองรับเฉพาะ eSIM SIM2Fly เท่านั้น

eSIM SIM2Fly 399 บาท

eSIM SIM2Fly 899 บาท

เงื่อนไข

ใช้งาน eSIM ได้สูงสุด 6 หมายเลขในเครื่องเดียว ข้อดีคือไม่ต้องเปิดถาดใส่ซิมเปลี่ยนซิมบ่อยๆ ให้เสี่ยงซิมการ์ดหาย (พอหายก็ต้องเสียเวลาไปทำซิมใหม่ที่ศูนย์บริการ) และคนที่มีเบอร์ส่วนตัว เบอร์ครอบครัว กับเบอร์ใช้ทำงาน หรือบริษัทให้ซิมมาใช้ทำงาน ก็จะได้พกเครื่องเดียวแล้วใช้ 2 ซิมได้เลย ถ้าเป็นเมื่อก่อนใครไปต่างประเทศบ่อยๆ จะทำ eSIM SIM2Fly ไว้เลย พอไปต่างประเทศก็ปิดซิมการ์ดที่เราใช้ในไทย 

ข้อมูลจาก เว็บไซต์ https://www.ais.th/esim/

Dtac


อยากใช้ eSIM ต้องติดต่อศูนย์บริการ เท่านั้น ไม่มีขายซิมออนไลน์ เพื่อทำการเปลี่ยนเป็น eSIM โดยนำซิมการ์ดเดิมมาด้วย แจ้งพนักงานว่าขอทำ eSIM

ใครใช้ได้บ้าง?

คนที่ใช้ dtac ทุกกลุ่ม เช่น ลูกค้ารายเดือน ลูกค้าเติมเงิน ลูกค้าองค์กรขนาดเล็ก ลูกค้าองค์กร (Postpaid, Prepaid, SME, Corporate)

ถ้าใครใช้ Dtac call สามารถจดทะเบียนได้สูงสุด 5 หมายเลข ภายใต้หมายเลขบัตรประชาชนเดียวกัน ไม่นับรวมกันกับ eSim

- eSIM (dtac) อย่างเดียว ได้สูงสุด 6 เบอร์ : เปิด On ได้ทีละเบอร์

- eSIM (เบอร์dtac และ เบอร์ต่างระบบ) ปนกัน : เปิด On ได้ทีละเบอร์

ย้ายเครื่อง iPhone ย้าย eSIM ได้เอง


เฉพาะคนที่ใช้ iPhone กับ dtac เท่านั้น  โดย dtac เริ่มให้บริการ eSIM แล้วตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

คนที่ใช้ dtac สามารถย้ายเบอร์ eSIM/ซิมปกติ จาก iPhone เครื่องเก่าไป iPhone เครื่องใหม่ได้แล้ว (ย้าย iPhone ย้าย eSIM ด้วยเลย)

1) โอนย้าย eSIM จาก iPhone เครื่องเดิม ของคุณ ไปยัง eSIM บน iPhone เครื่องใหม่ (เช่น ซื้อ iPhone 13 เปลี่ยนเครื่อง ก็ย้าย eSIM ได้เลย (ใช้ iPhone XS, iPhone XS Max, iPhone XR หรือใหม่กว่า และใช้ iOS 14 ขึ้นไป)

2) โอนย้าย ซิมจริง จาก iPhone เครื่องเดิม ของคุณ ไปยัง eSIM บน iPhone เครื่องใหม่ iPhone เครื่องใหม่ของคุณต้องเป็น iPhone XS, iPhone XS Max, iPhone XR หรือใหม่กว่า และทั้งเครื่องใหม่และเครืองเก่าต้องรองรับ iOS 14 ขึ้นไป ทั้งคู่

3) จะต้อง เปิดระบบความปลอดภัยบนอุปกรณ์ (ล็อคอินเข้า iCloud บน iPhone เครื่องเดิม และ iPhone เครื่องใหม่ > เปิดใช้งาน ตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัย สำหรับ Apple ID (Two-Factor-Authentication) ข้อมูลเพิ่มเติม https://support.apple.com/th-th/HT204915 เปิดใช้งาน Face ID/passcode lock และทำการลงทะเบียน iMessage

ดูขั้นตอนอย่างละเอียดที่ https://www.dtac.co.th/esim/iphone-esim

ข้อดีคือ ถ้าเครือข่ายรองรับ ในขั้นตอนการย้ายเครื่อง iPhone สามารถย้าย eSIM ได้ด้วยเลย ชีวิตง่ายขึ้นมาก ไม่ต้องไปศูนย์บริการ เช่น คนที่ซื้อเครื่องออนไลน์

ไม่มีค่าบริการในการทำ eSIM

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.dtac.co.th/esim.html อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://www.dtac.co.th/iphone/iphone-dualsim-faq.php?c_lang=th 

True

โปรไฟล์ของ eSIM จะมีได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับหน่วยความจำของ eSIM เมื่อติดต่อ ทรูช้อป หรือ ตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการแล้ว จะได้ QR code เพื่อนำไปดาวน์โหลดโปรไฟล์ลงที่ตัวเครื่อง

(มือถือต้องต่อ Internet ขณะทำรายการ) 

*บริการ eSim ไม่มีค่าบริการ

อุปกรณ์อื่นๆ นอกจาก Apple ล่ะ? ปกติ eSIM จะขึ้นอยู่กับอุปกรณ์หลัก หากใช้งานในกลุ่ม Apple Watch  จะไม่ได้เปิดหมายเลขใหม่ แต่จะเป็นลักษณะการเปิดบริการเบอร์เสริม หรือเบอร์ลูก ส่วน Galaxy Watch ปกติแล้วเป็นการเปิดหมายเลขเพิ่ม ดังนั้นแนะนำให้สอบถามทางศูนย์บริการ

แต่จุดนึงที่สะดวกสำหรับคนย้ายค่ายไปมาคือ คนที่ย้ายค่าย eSIM ไม่ต้องเปลี่ยนซิม แค่ย้ายค่ายก็ใช้ซิมเดิมได้เลย (เครือข่ายจะส่งข้อมูลไปให้อีกเครือข่ายเอง) ดังนั้นย้ายค่ายได้สะดวกมากๆ

ค่ายอื่นๆ


GOMO by AIS ยังไม่มีบริการ eSIM อ้างอิง https://gomo.th/help/faq_1.1 

Finn Mobile ยังไม่มีบริการ eSIM อ้างอิง สอบถาม Chat เจ้าหน้าที่

ซิมเพนกวิน ยังไม่มีบริการ eSIM อ้างอิง สอบถาม Chat เจ้าหน้าที่

NT ยังไม่มีบริการ eSIM อ้างอิง โทรสอบถามเจ้าหน้าที่

เป็นที่ถกเถียงกันว่า ใช้ eSIM ดีไหม จากประสบการณ์ใช้งานส่วนตัวมา 1 ปี คิดว่าใช้งานได้ปกติ เหมือนซิมที่ 2 ปกติเลย ซึ่ง eSIM พัฒนาบริการจากค่ายมือถือมาหลายปีแล้ว (ตั้งแต่ช่วงปี 2561) ช่วงแรกๆ iPhone XS มีปัญหาปล่อย HotSpot ไม่ได้ แต่ล่าสุด เป็น iOS 14, iOS 15 ปล่อย Hotspot ได้สบายๆ ไม่มีปัญหาอะไรเลย

ข้อสังเกต

ถ้าเครื่องเราหาย ผู้ไม่หวังดีอาจจะถอดซิมเราออก แต่สำหรับ eSIM ถอดออกไม่ได้ และไม่มีใครทำอะไรกับ eSIM ของเราได้เลยนอกจากเราที่เป็นผู้จดทะเบียนซิมนั้นๆ ซึ่งเอาจริงๆ มันสามารถ remove eSIM ออกได้ แต่นั่นก็ทำให้เรายังทราบพิกัดของมือถือจากบริการ Find my iPhone หรือบริการของมือถือที่รองรับ eSIM

ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Apple https://support.apple.com/th-th/HT209044

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

กลัวย้ายค่ายง่าย GSMA ชี้ eSIM เป็นจุดเปลี่ยนการย้ายค่าย นิยมสูงสุด 25–34 ปี ในกลุ่มผู้ใช้ 5G ไทยมีเพียง 3 เจ้าให้บริการ 

อังกฤษ เตรียมยกเลิกการขาย SIM รูปแบบเดิม พร้อมทำ eSIM 5G และหมายเลขขายทั่วประเทศ เริ่มให้บริการผ่านเว็บไซต์