14 ธ.ค. 2564 926 1

OPPO เผยโฉม MariSilicon X ชิป Imaging NPU ขนาด 6nm รุ่นแรก พร้อมเปิดตัวสมาร์ทโฟนจอพับรุ่นแรก OPPO Find N และ OPPO Air Glass ในงาน OPPO INNO DAY 2021

OPPO เผยโฉม MariSilicon X ชิป Imaging NPU ขนาด 6nm รุ่นแรก พร้อมเปิดตัวสมาร์ทโฟนจอพับรุ่นแรก OPPO Find N และ OPPO Air Glass ในงาน OPPO INNO DAY 2021

OPPO จัดแสดงงาน OPPO INNO DAY 2021 เผย Imaging NPU ขนาด 6nm สุดล้ำรุ่นแรก พร้อมประกาศ Brand Proposition ใหม่ “Inspiration Ahead” นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัว สมาร์ทโฟนจอพับรุ่นแรก OPPO Find N และ OPPO Air Glass


ชิบใหม่ MariSilicon X มอบประสบการณ์การถ่ายภาพและวิดีโอที่ทรงพลังที่สุดบนสมาร์ทโฟน พบกันบน OPPO Find X Series ไตรมาส 1 ปี 2565

  • เปิดตัว MariSilicon X เผย Imaging NPU ขนาด 6nm สุดล้ำรุ่นแรกจาก OPPO และ OPPO Air Glass 
  • OPPO ประกาศ brand proposition ใหม่ “Inspiration Ahead” ภายในงาน OPPO INNO DAY 2021 ประจำปีที่ 3 
  • เปิดตัว OPPO Find N สมาร์ทโฟนจอพับรุ่นแรกจาก OPPO 


OPPO จัดแสดงเทคโนโลยีประจำปี OPPO INNO DAY 2021 ณ เมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน พร้อมงานจัดแสดงออนไลน์ OPPO INNO WORLD ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Reimaging the Future’ พลิกโฉมเทคโนโลยีสู่อนาคต โดยภายในงาน Tony Chen, OPPO Founder และ CEO ได้อัปเดตข่าวสารล่าสุดจาก OPPO พร้อมประกาศถึง brand proposition ใหม่ของ OPPO อย่าง ‘Inspiration Ahead’ นอกจากนี้ OPPO ยังได้เปิดตัว MariSilicon X ซึ่งเป็น Imaging NPU อันล้ำสมัย และ OPPO Air Glass สุดล้ำ พร้อมประกาศเปิดตัว OPPO Find N สมาร์ทโฟนจอพับรุ่นแรก 

OPPO ตั้งเป้าสู่อนาคตด้วย Brand Proposition ใหม่ “Inspiration Ahead” 

โดยระหว่างการกล่าวของคุณ Tony Chen มีการเน้นย้ำถึงพันธกิจของ OPPO ที่มุ่งพัฒนานวัตกรรม เพื่อช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ พร้อมประกาศ brand proposition ใหม่อย่าง "Inspiration Ahead" ที่จะมาช่วยผลักดัน พร้อมเสริมสร้างแรงบันดาลใจในการก้าวข้ามความท้าทายและความไม่แน่นอนในสถานการณ์ที่ทุกคนกำลังเผชิญ ณ ปัจจุบัน 


“จากสถานการณ์ปัจจุบันที่เรากำลังเผชิญ OPPO ในฐานะบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก ถือว่าเป็นหน้าที่และสิทธิพิเศษของเรา ในการพยายามมุ่งสร้างโลกที่ดียิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ และการทำงานของเรา” Tony Chen กล่าว “แม้เส้นทางในการก้าวสู่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในแต่ละครั้ง จะเต็มไปด้วยความท้าทาย OPPO ก็ยังคงมุ่งเดินหน้าทีละเสต็ปอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งสู่ ‘Inspiration Ahead’ ตาม brand proposition ใหม่ที่เราตั้งไว้” 

การเปิดตัว Imaging NPU ขนาด 6nm อันล้ำสมัยรุ่นแรกจาก OPPO และ OPPO Air Glass สุดล้ำ 

ภายในงาน OPPO ได้เผยโฉม MariSilicon X ซึ่งเป็น Imaging NPU อันล้ำสมัยรุ่นแรก ที่สร้างขึ้นจากเทคโนโลยีการผลิตที่มีขนาดเพียง 6nm ซึ่งประกอบไปด้วย NPU, ISP และ Multi-tier Memory Architecture ขั้นสูง มอบประสิทธิภาพด้านการประมวลผลภาพอันทรงพลัง ด้วยประสิทธิภาพด้านพลังงานที่เหนือกว่า โดย MariSilicon X ถือเป็นครั้งแรกในสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ที่สามารถบันทึก 4K AI Night Video แบบ RAW domain พร้อมใช้ข้อมูลภาพได้ในทันที โดย Imaging NPU อันล้ำสมัยจะเปิดตัวในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 บน OPPO Find X Series ซึ่งจะถือเป็นหนึ่งใน Imaging NPU ที่ล้ำสมัยที่สุดที่มีการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 

“ด้วยประสบการณ์ในการมุ่งผลักดันการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการถ่ายภาพมามากกว่าสิบปี OPPO จึงถือเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังในการสร้างหนึ่งในนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นด้านโมดูลกล้อง เลนส์ และอัลกอริธึม" Jiang Bo, OPPO’s Senior Director กล่าวภายในงาน “Imaging NPU เทคโนโลยีอันล้ำสมัยใหม่ล่าสุดนี้ ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ที่สุดที่เราเคยทำมา ซึ่งจะมาช่วยมอบพลังการประมวลผลด้าน imaging systems บนมือถือ พร้อมมอบประสบการณ์การใช้งานที่เหนือกว่าให้แก่ผู้ใช้”

มอบประสิทธิภาพขั้นสุด ทั้งในด้านความเร็วแรงและประสิทธิภาพขั้นสูง

NPU ของ MariSilicon X มอบการประมวลผลที่รวดเร็วถึง 18 ล้านล้านต่อวินาที ซึ่งเป็นพลังการประมวลผลที่มากพอในการใช้งานบนอัลกอริธึม AI ของ OPPO นอกจากนี้ยังให้ประสิทธิภาพการใช้งานในระดับท็อปได้โดยไม่สิ้นเปลืองพลังงานจากแบตเตอรี่ ด้วยประสิทธิภาพการใช้พลังงาน 11.6 TOPS ต่อวัตต์

โดยฟีเจอร์ NPU มีระบบหน่วยความจำย่อย Tera bps ที่ล้ำสมัย ซึ่งช่วยให้ MariSilicon X สามารถใช้ประโยชน์จากพลังการประมวลผลของ NPU โดยไม่ถูกจำกัดด้านหน่วยความจำได้อย่างเต็มที่ ทำให้สามารถลดระยะเวลาในการคัดลอกข้อมูลระหว่างหน่วยเก็บข้อมูลและหน่วยประมวลผลได้อย่างมาก

นอกจากนี้ MariSilicon X ยังประกอบไปด้วย DDR ที่มี bandwidth สูงเป็นพิเศษ โดยสูงสุดถึง 8.5 GB/s อีกทั้งยังมี multi-tier memory architecture ที่ช่วยลดความล่าช้าใช้การใช้งานได้อย่างมาก พร้อมลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็นที่เกิดจาก read-write cycles ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ได้อีกด้วย

โดยเมื่อเปิดใช้งานอัลกอริธึม AI ของ OPPO MariSilicon X จะสามารถประมวลผลได้เร็วขึ้นถึง 20 เท่าเมื่อเทียบกับ OPPO Find X3 Pro 5G นอกจากนี้ MariSilicon X ยังสามารถบันทึก 4K AI Night Videos พร้อมปรับแต่งความสว่างในแต่ละเฟรมได้แบบเรียลไทม์


ISP อันทรงพลังบน Ultra HDR

MariSilicon X ยังประกอบไปด้วย ISP อันทรงพลังที่ช่วยให้สามารถจับภาพในช่วงไดนามิก 20bit 120db ได้ ซึ่งสูงกว่า OPPO Find X3 Pro 5G ถึง 4 เท่า ทำให้สามารถสร้างระดับคอนทราสต์ได้ตั้งแต่ระดับ 1 ล้านไปจนถึงระดับ 1 เพื่อมอบรายละเอียดทั้งส่วนที่สว่างที่สุดและมืดที่สุดของภาพ พร้อมมอบภาพที่สมจริงมากยิ่งขึ้นให้แก่ผู้ใช้


การประมวลผล RAW แบบเรียลไทม์ โดยไม่สูญเสียรายละเอียด

จากพลังประมวลผลขนาดใหญ่และปริมาณข้อมูลจำนวนมาก ทำให้ MariSilicon X สามารถฉีกกฎของการถ่ายภาพ ด้วยความสามารถในการประมวลผล AI ในระดับ 4K ได้แบบเรียลไทม์ พร้อมมอบช่วงไดนามิกของ RAW domain ในระดับพิกเซลที่สูงถึง 20bit HDR โดยการประมวลผลภาพแบบไม่สูญเสียรายละเอียดนั้น ทำให้ MariSilicon X สามารถมอบอัตราส่วนสัญญาณเสียงต่อสัญญาณรบกวน (signal-to-noise ratio) ได้ถึง 8dB ซึ่งถือเป็นการเปิดโลกใหม่ด้าน computational photography เลยทีเดียว

RGBW Pro Mode ปลดล็อกภาพถ่ายและวิดีโอระดับโปร

MariSilicon X ปลดล็อกศักยภาพเซ็นเซอร์ RGBW ของ OPPO ด้วยดีไซน์ Dual Image Pipeline และ 2-time RAW super sampling มาช่วยรองรับการคัดแยกและรวบรวม RGB and White signals ทำให้มีอัตราส่วน สัญญาณเสียงต่อสัญญาณรบกวน (signal-to-noise ratio) ที่ดีขึ้น 7.9 เท่า และเพิ่มคุณภาพของรายละเอียดพื้นผิวถึง 1.7 เท่า ทำให้วัตถุมีความคมชัดยิ่งขึ้นทั้งในภาพถ่ายและวิดีโอ

มอบประสิทธิภาพแบบทวีคูณด้วย 4K AI Night Video

Imaging NPU ทำให้ MariSilicon X ถือเป็นยุคใหม่ของ computational photography เลยทีเดียว โดยการก้าวกระโดดแบบทวีคูณทั้งในด้านประสิทธิภาพการใช้งานและประสิทธิภาพด้านพลังงาน จะมาช่วยปลดปล่อยพลังแห่งอัลกอริธึม AI Noise Reduction เพื่อมอบวิดีโอที่คมชัดและสมจริงมากขึ้น รวมถึงทำให้ช่วงไดนามิกมีความกว้างมากขึ้น เพื่อมอบภาพที่มีสีสันมากขึ้นและวิดีโอในแต่ละเฟรมที่คมชัดสดใสเสมือนภาพนิ่ง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกบนสมาร์ทโฟนแอนดรอย์ที่สามารถบันทึก 4K AI HDR Night Video ได้

โดย MariSilicon X จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการใน OPPO Find X Series ในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 พร้อมมอบประสบการณ์การถ่ายภาพและวิดีโอที่ทรงพลังที่สุดบนสมาร์ทโฟน


OPPO Air Glass

นอกจากนี้ภายใน OPPO INNO DAY 2021 ยังได้ประกาศเปิดตัว OPPO Air Glass อุปกรณ์ aR (assisted Reality) อันล้ำสมัยอย่างเป็นทางการ เผยดีไซน์แบบ monocle waveguide สุดล้ำที่ได้รับแรงบันดาลใจจากปีกจักจั่น มอบรูปลักษณ์ที่เรียบง่ายและน้ำหนักเบา นอกจากนี้ ยังมาพร้อมฟังก์ชันมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ฟังก์ชันการนำทาง, การตรวจสอบข้อมูลด้านสุขภาพ, teleprompter หรือฟังก์ชันการบอกสคริปต์ และ การแปลคำพูดเป็นข้อความได้แบบเรียลไทม์ ทำให้ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องพกพาอุปกรณ์ที่มีน้ำหนักมากและขนาดใหญ่ โดย OPPO Air Glass มาพร้อม Spark Micro Projector ที่พัฒนาขึ้นเอง และ optical waveguide แบบเลี้ยวเบนที่ปรับแต่งเอง  มาช่วยมอบการแสดงผลภาพบนหน้าจอ aR ที่มีความสดใสคมชัดในทุกสภาพแสง นอกจากนี้อุปกรณ์ยังสามารถควบคุมได้ด้วยสมาร์ทโฟน OPPO และสมาร์ทวอร์ช โดยรองรับการโต้ตอบได้มากมาย เช่น การสัมผัส เสียง และการเคลื่อนไหว เพื่อให้ผู้ใช้สามารถรับข้อมูลที่สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น 


“OPPO มุ่งค้นหาความเป็นไปได้ใหม่ๆ ด้าน Extended Reality มาเป็นเวลานาน และในที่สุดเราก็ประสบความสำเร็จในการสร้างผลิตภัณฑ์อัจฉริยะ OPPO Air Glass ที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้อย่างแท้จริง” Levin Liu, OPPO Vice President และ Head of OPPO Research Institute กล่าว “นอกจากดีไซน์อันล้ำสมัย OPPO Air Glass ยังพร้อมฉีกกฎด้านวิธีการรับชมและการใช้ข้อมูล ด้วยหน้าจอแสดงผลที่ใช้งานได้อย่างง่ายดาย โดยสามารถแสดงข้อความสำคัญที่เราต้องการได้อย่างเต็มตา ซึ่ง OPPO Air Glass จะทำให้ผู้ใช้มองเห็นโลกที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป”

บุกเบิกด้านดีไซน์: ดีไซน์บางเบาด้วยแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ


OPPO Air Glass สร้างขึ้นด้วยดีไซน์ monocle waveguide อันล้ำสมัย โดยจากปรัชญาการออกแบบของ OPPO ทำให้ OPPO Air Glass มีดีไซน์แบบโค้งมน มีน้ำหนักเบา และรูปลักษณ์ที่เรียบง่าย ซึ่งมีน้ำหนักรวมประมาณ 30 กรัม โดย OPPO Air Glass ถือเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ monocle waveguide ที่มีน้ำหนักเบาที่สุดในอุตสาหกรรม ทำให้ผู้ใช้งานสามารถสวมใส่ได้เหมือนกับแว่นสายตาทั่วไป

โดยดีไซน์ของตัวเครื่องหลักได้รับแรงบันดาลใจจากขนนก ซึ่งมีน้ำหนักเบา บาง และโค้งมน พร้อม touchbar ที่สวยงามดั่งด้ามของขนนก นอกจากนี้ ดีไซน์ของเลนส์ monocular waveguide ยังได้รับแรงบันดาลใจจากปีกของจักจั่น ฉีกกฎเลนส์รูปแบบเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นเลนส์กลมหรือเลนส์รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขอบโค้ง โดยเลนส์ถูกยึดด้วยกรอบบางๆ ที่เท่ากันทั้งสองด้าน พร้อมขับเคลื่อนด้วยแพลตฟอร์ม Qualcomm Snapdragon Wear 4100


สำหรับกรอบของ OPPO Air Glass สร้างด้วยการกลึง CNC  มอบสัมผัสที่ประณีตและเต็มไปด้วยรายละเอียด โดยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์สะกดทุกสายตาของ OPPO Air Glass จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถหยิบเป็นแก็ดเจ็ตมาสวมใส่ในชีวิตประจำวันได้อย่างมีสไตล์ แม้ไม่เปิดใช้ฟังก์ชันทางเทคโนโลยีก็ตาม

Spark Micro Projector ที่พัฒนาขึ้นเอง ประกอบไปด้วย Micro LED อันล้ำสมัย และเลนส์แก้วที่มีความโปร่งใสสูงถึง 5 ตัว มอบประสบการณ์ aR สุดล้ำ

ด้วยการผสมผสานระหว่าง Micro Projector ของ OPPO, Micro LED ขั้นสูง และเทคโนโลยี waveguide ที่ปรับแต่งเอง ทำให้ OPPO Air Glass สามารถแสดงผลได้อย่างสว่างคมชัดไม่ว่าจะสวมใส่ภายในและภายนอกอาคาร มอบประสบการณ์ aR ที่เหนือกว่าได้ในทุกสภาพแสง

โดยหัวใจหลักของระบบการแสดงผลของ OPPO Air Glass คือ Spark Micro Projector ที่ OPPO พัฒนาขึ้นเอง ซึ่งเป็นระบบการฉายภาพในอุตสาหกรรมที่มีขนาดกะทัดรัดเพียง 0.5cc หรือมีขนาดประมาณเมล็ดกาแฟเพียงเมล็ดเดียว โดยโปรเจ็กเตอร์สร้างจากเครื่องกลึงโลหะ CNC พร้อมโมดูลเลนส์แก้วที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนและเพิ่มเสถียรภาพ โดย Micro LED อันล้ำสมัย สามารถมอบความสว่างได้สูงสุดถึง 3 ล้านนิต

นอกจากนี้ OPPO Air Glass ยังใช้ optical waveguide แบบเลี้ยวเบนที่ปรับแต่งเอง ซึ่งรองรับโหมดการแสดงผล 2 โหมด ได้แก่ 16-level grayscale และ 256-level grayscale โดยสามารถให้ความสว่างเฉลี่ยสูงถึง 1,400 นิต เพื่อมอบการแสดงผลภาพที่มีความสดใสคมชัดในสภาพแสงที่แตกต่างกัน อีกทั้งยังมีการใช้กระจกแซฟไฟร์สองชั้นในการหุ้ม waveguide ทั้งสองด้าน เพื่อใช้ในการป้องกัน พร้อมเพิ่มความโปร่งใสอีกด้วย

OPPO Air Glass ออกแบบเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้งานได้ รวมถึงผู้ใช้ที่มีความบกพร่องทางสายตา เช่น สายตาสั้นและภาวะไฮเปอร์เมโทรเปีย โดยแว่นตาสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการแว่นสายตามีกรอบให้เลือก 2 แบบ คือ กรอบแบบครึ่งเฟรมสีเงิน และ กรอบแบบฟูลเฟรมสีดำ โดยทั้งสองแบบมีให้ไซส์ให้เลือก 2 ขนาด

ควบคุมได้อย่างหลากหลาย ด้วยการโต้ตอบถึง 4 แบบ

OPPO Air Glass สามารถใช้งานได้ด้วยแอปพลิเคชัน Smart Glass บน OPPO Watch 2 และสมาร์ทโฟน OPPO ทุกรุ่นที่ติดตั้ง ColorOS 11 หรือสูงกว่า นอกจากนี้ยังรองรับการโต้ตอบที่สะดวกสบายถึง 4 แบบ ได้แก่ การสัมผัส เสียง การเคลื่อนไหวของมือ และการเคลื่อนไหวของศีรษะ

ตัวอย่างเช่น เมื่อใช้งาน OPPO Air Glass บน OPPO Watch 2 ผู้ใช้งานสามารถใช้การเคลื่อนไหวของมือเพื่อยืนยัน ยกเลิก และสลับการใช้แอปพลิเคชันได้ นอกจากนี้ OPPO Air Glass ยังรองรับวิธีการโต้ตอบรูปแบบใหม่ ด้วยการรับรู้การเคลื่อนไหวของศีรษะ เช่น การพยักหน้าหรือส่ายหัวเบาๆ เพื่อเปิดและปิดการแจ้งเตือนตามลำดับ

รองรับแอปพลิเคชันที่หลากหลาย ผ่านความร่วมมือในอุตสาหกรรม

OPPO Air Glass มีการติดตั้งแอปพลิเคชันมากมาย รวมถึงแอปพลิเคชันที่พัฒนาโดย OPPO ไม่ว่าจะเป็นแอปฯ Weather, Calendar, Health, Teleprompter และ Translation รวมถึงแอปฯ นำทาง

โดยฟังก์ชันแปลภาษา จะมาช่วยให้การสื่อสารข้ามวัฒนธรรมมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น ซึ่งเมื่อเปิดใช้งาน เสียงจากคู่สนทนาจะถูกป้อนข้อมูลและแปลงเป็นข้อความ หลังจากนั้นระบบจะแปลข้อความนั้นโดยอัตโนมัติ และจะแสดงผลบนจอของผู้ใช้งาน OPPO Air Glass โดยขณะนี้สามารถรองรับการแปลภาษาจีน-อังกฤษ สำหรับภาษาจีน-ญี่ปุ่น และจีน-เกาหลี จะถูกเพิ่มในภายหลัง

นวัตกรรมสำหรับการใช้งาน OPPO Air Glass อีกอย่างหนึ่งคือ Teleprompter ซึ่งผู้ใช้สามารถปรับคำพูดให้เป็นข้อความ หรือช่วยในการบันทึกได้อย่างสะดวกสบายในระหว่างการนำเสนองานหรือการประชุม นอกจากนี้ OPPO ยังได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ Baidu ในการพัฒนา Baidu Walk & Bike Navigation และแอปพลิเคชัน Explore Nearby บน OPPO Air Glass โดยฟังก์ชัน Navigation นี้ ผู้ใช้สามารถรับคำแนะนำในการเดินทางด้วยเท้าหรือจักรยานได้ สำหรับ Explore Nearby ผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้าใกล้เคียงและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ตามตำแหน่งหรือตามความต้องการของผู้ใช้ได้

การวางจำหน่าย

OPPO Air Glass กำหนดเปิดตัวในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 ในตลาดประเทศจีน ซึ่งจะมีให้เลือก 2 สี คือ สีดำและสีขาว พร้อมด้วยกรอบเสริมที่มีการปรับแต่งเฟรม 2 แบบ

OPPO Find N


OPPO ประกาศเปิดตัว OPPO Find N สมาร์ทโฟนแฟล็กชิพจอพับรุ่นแรก


OPPO บริษัทเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับโลก ประกาศเปิดตัว OPPO Find N สมาร์ทโฟนแฟล็กชิพจอพับรุ่นแรก (Foldable flagship smartphone) ในวันที่สองของการจัดแสดงนวัตกรรม OPPO INNO DAY 2021 ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนที่เกิดจากการวิจัยและพัฒนาเป็นระยะเวลานานถึง 4 ปี และสร้างโปรโตไทป์แล้วถึง 6 รุ่นด้วยกัน ทำให้ OPPO Find N สามารถมอบอีกขั้นของรูปแบบสมาร์ทโฟนแบบจอพับ พร้อมมอบประสบการณ์ใหม่ๆ ให้แก่ผู้ใช้งาน ทั้งผู้ใช้งานที่เคยและไม่เคยใช้สมาร์ทโฟนแบบจอพับได้

Pete Lau, Chief Product Officer of OPPO กล่าวว่า "รูปแบบสมาร์ทโฟนใหม่นี้ ถือเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นของวงการเทคโนโลยีสมาร์ทโฟน โดย OPPO ใช้เวลาและความพยายามอย่างมากในการสรรหาวิธีการต่างๆ ที่สามารถสร้างสมาร์ทโฟนจอพับที่มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น เราจึงได้ทำการทดลองมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ปัจจัยด้านรูปแบบ ดีไซน์การพับ วัสดุของจอแสดงผล และอัตราส่วนด้านภาพ เพื่อสร้างอุปกรณ์ใหม่ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้มากขึ้นด้วย OPPO Find N โดยเราหวังว่าจะสามารถเปลี่ยนมุมมองด้านรูปแบบของสมาร์ทโฟน พร้อมมุ่งมั่นที่จะมอบสมาร์ทโฟนจอพับไปสู่ผู้คนที่กว้างขวางมากยิ่งขึ้น”

นำความแปลกใหม่สู่ความจำเป็นต่อการใช้งาน

OPPO Find N สามารถมอบทั้งเทคโนโลยีอันล้ำสมัยและคุณภาพการใช้งานขั้นสุด เพื่อมอบประสบการณ์ในการใช้งานสมาร์ทโฟนจอพับที่ดียิ่งขึ้น โดยเมื่อพับสมาร์ทโฟน ตัวเครื่องจะมีขนาดกะทัดรัด แต่อัดแน่นไปด้วยฟังก์ชันมากมาย และเมื่อกางออก ตัวเครื่องก็จะมอบหน้าจอแสดงผลที่เต็มตา พร้อมดื่มด่ำได้เต็มอรรถรส

Landscape Ratio


OPPO Find N ถือเป็นสมาร์ทโฟนจอพับเครื่องแรกที่มีอัตราส่วนของหน้าจอด้านในตัวเครื่องเป็นแบบแนวนอน (landscape) โดยผู้ใช้งานสามารถปรับเปลี่ยนการใช้หน้าจอได้อย่างสะดวกสบายไร้รอยต่อ ระหว่างหน้าจอด้านในขนาด 7.1 นิ้ว และหน้าจอด้านนอกขนาด 5.49 นิ้ว มอบประสบการณ์การรับชมแบบเต็มตา หมดห่วงเรื่องขนาดของหน้าจอและประสิทธิภาพการใช้งาน โดยหน้าจอด้านในมีอัตราส่วนของภาพ 8.4:9 ซึ่งเมื่อกางออก หน้าจอด้านในจะเปลี่ยนเป็นหน้าจอแบบแนวนอน (landscape mode) ได้ในทันที มอบประสบการณ์การรับชม เล่นเกม หรืออ่านหนังสือ ได้อย่างสะดวกสบาย โดยไม่จำเป็นต้องหมุนตัวเครื่องเพิ่มเติม และเมื่อพับสมาร์ทโฟน หน้าจอจะมีอัตราส่วนของภาพที่ 18:9 มอบประสบการณ์การใช้สมาร์ทโฟนที่คุ้นเคยและเต็มตา พร้อมสามารถใช้งานอย่างง่ายดายได้ด้วยมือเดียว

Flexion Hinge หรือบานพับ


Flexion Hinge หรือบานพับของ OPPO Find N ประกอบด้วยส่วนประกอบมากมายถึง 136 ชิ้น ซึ่งมีความละเอียดสูงถึง 0.01 มม. มอบประสบการณ์การใช้งานบานพับที่ราบรื่นเสมือนข้อต่อของร่างกายมนุษย์ โดย OPPO ดีไซน์บานพับแบบ water-drop hinge ในการแก้ไข pain point ที่ใหญ่ที่สุดของอุปกรณ์แบบพับ ด้วยการขยายมุมของจอแสดงผลที่ใช้ในการพับ พร้อมสร้างบัฟเฟอร์รองรับเมื่อพับจอแสดงผล ทำให้หน้าจอมีรอยพับที่สามารถสังเกตุเห็นได้ลดลงถึง 80% อ้างอิงข้อมูลจาก TUV เมื่อเทียบกับอุปกรณ์แบบพับรุ่นอื่นๆ นอกจากนี้ การออกแบบนี้ยังช่วยลดช่องว่างระหว่างจอแสดงผลเมื่อพับจอ อีกทั้งยังช่วยมอบรูปลักษณ์แบบไร้รอยต่อและช่วยป้องกันรอยขีดข่วนของจอแสดงผลด้านในได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

FlexForm Mode

โครงสร้างของ Cam และสปริงภายในบานพับ (Flexion Hinge) อันล้ำสมัย จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถกางหน้าจอแสดงผลได้อย่างอิสระระหว่าง 50-120 องศา และเมื่อรวมกับฟีเจอร์ด้านซอฟต์แวร์มากมายในตัวเครื่อง ทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ประโยชน์จากหน้าจอแสดงผลแบบพับได้มากมาย โดย FlexForm Mode บน OPPO Find N จะช่วยให้ผู้ใช้ปรับหน้าจอของอุปกรณ์ได้อย่างอิสระ เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานในสถานการณ์ที่หลากหลาย

OPPO ได้ปรับแต่งอินเทอร์เฟซสำหรับการใช้งาน เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพในแอปพลิเคชันต่างๆ ที่รองรับได้ดีมากยิ่งขึ้น เช่น แอปเล่นเพลง โน๊ตสำหรับบันทึก และกล้อง ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้งานสามารถใช้โน๊ตสำหรับบันทึก ด้วยการเปลี่ยน OPPO Find N เป็นโน้ตบุ๊กขนาดเล็กได้ เพราะ OPPO Find N สามารถวางตั้งได้อย่างอิสระด้วยมุมการพับต่างๆ ของหน้าจอ ทำให้ผู้ใช้สามารถจดบันทึกได้โดยไม่จำเป็นต้องถืออุปกรณ์ นอกจากนี้ ตัวเครื่องยังสามารถเป็นขาตั้งกล้องเองได้อีกด้วย ไม่ว่าผู้ใช้งานจะถ่ายภาพแบบ time-lapse ด้วยความละเอียด 4K HD, วิดีโอคอล และประชุมออนไลน์ ก็สามารถทำได้อย่างสะดวกสบายแบบไม่ต้องจับถือ

Serene Display

ด้วย Serene Display ที่มีถึง 12 เลเยอร์จาก OPPO ทำให้หน้าจอมีความทนทานและมีการป้องกันที่ดีเยี่ยม ซึ่งเมื่อทำงานร่วมกับ Flexion Hinge หรือบานพับแล้ว ก็ยิ่งทำให้สามารถมอบประสบกาณ์การพับหน้าจอที่ราบรื่น โดยจอแสดงผลประกอบด้วยเลเยอร์ของ Flexion UTG (กระจกบางพิเศษ) ที่บางเพียง 0.03 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับกระจกสำหรับสมาร์ทโฟนทั่วไปจะหนาถึง 0.6 มิลลิเมตร ทำให้หน้าจอสามารถโค้งงอได้อย่างง่ายดาย พร้อมมีความทนทานอย่างมาก ซึ่งจากการตรวจสอบโดย TUV หน้าจอ Serene Display จะสามารถพับได้มากกว่า 200,000 ครั้ง พร้อมคงประสบการณ์การพับที่ราบรื่นและไร้รอยพับบนหน้าจอ


สำหรับจอแสดงผลด้านในมีการใช้หน้าจอแสดงผลแบบ LTPO พร้อมเทคโนโลยี dynamic refresh rate อัจฉริยะที่สามารถปรับรีเฟรชเรทระหว่าง 1-120 Hz ได้ ด้วยการอิงจากสิ่งที่ผู้ใช้งานกำลังรับชม นอกจากนี้จอแสดงผลด้านในยังมีอัตราการตอบสนองต่อการสัมผัสที่สูงถึง 1,000 Hz

OPPO มีการปรับแต่งค่าความสว่างและการปรับเทียบสีระหว่างจอแสดงผลทั้งด้านในและด้านนอก เพื่อมอบประสบการณ์การรับชมที่ราบรื่นให้แก่ผู้ใช้งาน โดยหน้าจอทั้งสองสามารถปรับความสว่างอัตโนมัติได้ถึง 10,240 ระดับ พร้อมค่าความสว่างสูงสุดถึง 1,000 nits มอบความสะดวกสบายในการรับชมในทุกสภาพแสง

นวัตกรรมด้านซอฟต์แวร์

ประสบการณ์ซอฟต์แวร์บนอุปกรณ์แบบพับที่ยอดเยี่ยม ถือเป็นอีกขั้นของรูปแบบสมาร์ทโฟนแบบใหม่นี้ พร้อมมอบประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้แก่ผู้ใช้งานได้ โดยจอแสดงผลด้านในขนาด 7.1 นิ้วของ OPPO Find N มีพื้นที่หน้าจอกว้างกว่าจอแสดงผลมาตรฐานขนาด 6.5 นิ้ว ถึง 60% มอบประสบการณ์การรับชมที่เต็มตาสมจริงมากยิ่งขึ้น พร้อมสร้างโอกาสในการใช้งานนวัตกรรมด้านซอฟต์แวร์ในหลากหลายสถานการณ์มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การทำงานหลายอย่างพร้อมกัน หรือ การทำงานแบบมีประสิทธิภาพ

เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเมื่อกางหน้าจอออก เสมือนใช้แท็บเล็ตขนาดใหญ่ขึ้น OPPO Find N จึงได้รวบรวมการโต้ตอบใหม่ๆ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้งานหลายอย่างพร้อมกันได้ง่ายมากขึ้น โดยเมื่อใช้งานแอปพลิเคชัน ผู้ใช้สามารถแบ่งหน้าจอออกเป็นสองส่วนได้ด้วยการใช้สองนิ้วปัดลงตรงกลางอุปกรณ์ หรือใช้สี่นิ้วบีบตรงหน้าจอเพื่อเปลี่ยนหน้าต่างแอปแบบเต็มจอให้เป็นหน้าต่างแบบลอยได้ นอกจากนี้ OPPO Find N ยังรองรับการโต้ตอบแบบมาตรฐาน เช่น ผู้ใช้งานสามารถกดค้างบนไอคอนที่รองรับ เพื่อลากไอคอนไปมา พร้อมใช้งานแอปพลิเคชันหลายแอปไปพร้อมกันขณะแบ่งจอบนหน้าจอหลักได้

นอกจากนี้ ซอฟต์แวร์ของ OPPO Find N ยังได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมต่อการใช้งาน ให้ผู้ใช้สามารถใช้งานสลับระหว่างสองหน้าจอไปมาได้อย่างราบรื่นและเป็นธรรมชาติ โดยเมื่อกางออก การแสดงผลจะย้ายจากหน้าจอด้านนอกไปยังหน้าจอหลักด้านในได้อย่างราบรื่น และเมื่อต้องการพับหน้าจอ ผู้ใช้งานสามารถปัดขึ้นที่หน้าจอด้านนอก เพื่อให้สามารถใช้ฟังก์ชันเดิมบนหน้าจอด้านนอกได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บนหน้าจอด้านในที่มีขนาดใหญ่ขึ้น OPPO ยังมอบรูปแบบของคีย์บอร์ดที่สามารถปรับแต่งได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การแบ่งคีย์บอร์ดบนหน้าจอ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถใช้คีย์บอร์ดได้สองมือพร้อมกัน พร้อมมอบการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

กล้อง

OPPO Find N มาพร้อมกล้องระดับแฟล็กชิพถึง 3 ตัว มอบการถ่ายภาพและวิดีโอคุณภาพสูง ประกอบด้วยเซ็นเซอร์หลัก Sony IMX 766 ความละเอียด 50MP, เลนส์ ultra-wide 16MP และ เลนส์ telephoto 13MP อีกทั้งยังมีกล้องหน้าทั้งบนหน้าจอด้านในและด้านนอกอีกด้วย โดยเมื่อผสมผสานรูปแบบสมาร์ทโฟนใหม่และความสามารถของ FlexForm Mode ทำให้ OPPO Find N สามารถมอบประสบการณ์การใช้กล้องที่แปลกใหม่ให้แก่ผู้ใช้งานจากซอฟต์แวร์ที่ปรับแต่งเอง พร้อมใช้ประโยชน์จากรูปแบบสมาร์ทโฟนจอพับได้อย่างเต็มที่

Flexion Hinge หรือบานพับของ OPPO Find N ทำให้อุปกรณ์สามารถใช้งานเป็นขาตั้งกล้องเองได้ พร้อมกลายเป็นแก็ตเจ็ตขนาดกะทัดรัดและพกพาง่าย สะดวกในการถ่ายภาพในสถานการณ์ต่างๆ เช่น FlexForm Mode จะทำให้ผู้ใช้สามารถถ่าย time-lapse คุณภาพระดับ 4K HD ได้อย่างง่ายดายและไม่จำเป็นต้องจับถือด้วยการพับหน้าจอระหว่าง 50-120 องศา นอกจากนี้ time-lapse mode ยังประกอบไปด้วยเทมเพลตถึง 3 แบบ ได้แก่ light trails, night sky และ sun & clouds ที่ผู้ใช้สามารถปรับการตั้งค่าการภาพถ่ายและวิดีโอให้เหมาะสมในคลิกเดียว เพื่อการถ่ายภาพดาราศาสตร์ที่น่าดึงดูดและสร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น อีกทั้งเมื่อพับหน้าจอในมุมที่ต่ำกว่า 60 องศา กล้องจะเลื่อนการแสดงตัวอย่างภาพถ่ายไปที่หน้าจอด้านล่างโดยอัตโนมัติ เพื่อให้คุณตั้งมุมกล้องในการถ่ายภาพได้ง่ายขึ้น

โดยอินเทอร์เฟซการแบ่งจอสำหรับการภาพถ่ายแบบใหม่ บน OPPO Find N จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้จอแสดงผลด้านในที่มีขนาดใหญ่เต็มตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้หน้าจออีกฝั่งหนึ่งในการถ่ายภาพ และใช้ฝั่งที่เหลือในการดู แชร์ หรือลบรูปภาพล่าสุดที่คุณถ่ายได้ นอกจากนี้ เมื่อผู้ใช้ถ่ายภาพด้วยกล้องหลักขณะกางหน้าจอ ผู้ใช้จะสามารถใช้งานได้ทั้งจอแสดงผลด้านในและด้านนอก เพื่อให้ทั้งผู้ใช้และตัวแบบสามารถดูภาพตัวอย่างก่อนถ่ายไปพร้อมๆ กันได้

นอกจากนี้ ด้วยกล้องหลังที่ทรงพลังมากขึ้น ยังทำให้ผู้ใช้สามารถเซลฟี่ด้วยภาพคุณภาพสูงได้ ด้วยการใช้หน้าจอด้านนอกในการดูตัวอย่างภาพถ่าย อีกทั้ง ผู้ใช้งานยังสามารถเซลฟี่ด้วยการใช้ท่าทางของมือได้ ช่วยให้ผู้ใช้เซลฟี่ได้อย่างง่ายดายแบบไม่หลุดเฟรมและไม่ต้องกดปุ่มชัตเตอร์

การออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์

OPPO Find N ถือเป็นสมาร์ทโฟนจอพับรุ่นแรกที่มีดีไซน์ที่ขอบทั้งสองข้างของตัวเครื่องด้านนอกเป็นแบบโค้ง 3 มิติ เพิ่มความสบายในการจับและมอบรูปลักษณ์แบบบางเฉียบ โดยฝาหลังและโมดูลกล้องด้านหลัง มีดีไซน์แบบ fluid curve เหมือนกับดีไซน์ของ OPPO Find X3 Pro 5G ซึ่งเส้นโค้งที่เพรียวบางของตัวกล้อง จะช่วยลดความสูงของโมดูลกล้องได้ สำหรับฝาหลังมีการใช้ Gorilla Glass Victus ผสมผสานกับเพลตกล้องเซรามิก มอบสัมผัสแบบพรีเมียมสง่างาม


โดย OPPO Find N มาพร้อมสีสันที่โดดเด่นถึง 3 สีด้วยกัน ได้แก่ สี Black ที่มีการผสมผสานระหว่างกระจกแบบด้านที่มีประกายระยิบระยับ และเทคนิคการเคลือบฟิล์มแบบใหม่ มอบเอฟเฟกต์บนชั้นเบสที่มีความระยิบระยับพรีเมียม สำหรับสี White ได้รับแรงบันดาลใจจากการเคลือบเซรามิกสีขาวด้วยกระจกเงา พร้อมพื้นผิวที่เต็มไปด้วยรายละเอียดอันประณีต ซึ่งมีความเข้ากันกับเพลตกล้องเซรามิก มอบรูปลักษณ์ที่มีความสมดุลเข้ากันได้เป็นอย่างดี สำหรับสี Purple เป็นสีที่ชวนให้ระลึกถึงขวดน้ำหอมสุดหรู ซึ่งสร้างจากชั้นฟิล์มที่ปรับแต่งเองหลากหลายชั้น ในการสร้างเอฟเฟ็กต์ของแสง และสร้างเงาจากพื้นผิวแบบโปร่งใส

ประสิทธิภาพการใช้งาน

OPPO Find N มาพร้อม Qualcomm® Snapdragon™ 888 Mobile Platform พร้อมด้วย LPDDR5 RAM สูงสุดถึง 12 GB และ ROM UFS 3.1 ถึง 512 GB รวมถึงมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4,500 mAh สามารถใช้งานแบตเตอรี่ได้ตลอดทั้งวัน พร้อมทั้ง 33W SuperVOOC Flash Charge ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ถึง 55% ใน 30 นาที และ 100% ใน 70 นาที นอกจากนี้ยังมาพร้อม 15W AirVOOC Wireless Charging ที่รองรับมาตรฐานระดับ Qi และ 10W Reverse Wireless Charging อีกด้วย อีกทั้ง OPPO Find N ยังมาพร้อมการสแกนลายนิ้วมือด้านข้างบนปุ่มเปิดปิดหน้าจอ รวมถึง ลำโพงแบบคู่ และ Dolby Atmos มอบประสบการณ์เสียงกระหึ่มสมจริงยิ่งขึ้น

การวางจำหน่าย

OPPO Find N พร้อมวางจำหน่ายในประเทศจีน ตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคม 2564

สัมผัสความก้าวล้ำทางเทคโนโลยีล่าสุดจาก OPPO พร้อมรับชมศิลปะจากศิลปินหน้าใหม่ใน OPPO INNO WORLD 


ในปีนี้ OPPO ได้สร้าง virtual playground ใหม่ทั้งหมดใน OPPO INNO WORLD เพื่อเฉลิมฉลองการจัดแสดงงาน OPPO INNO DAY 2021 ร่วมกันกับแฟนๆ OPPO ทั่วโลก โดยภายใน OPPO INNO WORLD ผู้เข้าชมสามารถชมการเปิดตัว พร้อมร่วมสัมผัสเทคโนโลยีล้ำสมัยอื่นๆ ของ OPPO ได้ ไม่ว่าจะเป็น Digital Human, Retractable Camera และอื่นๆ อีกมากมาย 

นอกจากนี้ภายใน OPPO INNO WORLD ยังได้จัดแสดงผลงานศิลปะที่สร้างสรรค์จากศิลปินรุ่นใหม่ทั่วโลกในโครงการ OPPO Renovators Emerging Artists โดยในปีนี้ถือเป็นปีที่สามที่ OPPO Renovators มุ่งสนับสนุนศิลปินรุ่นเยาว์ ด้วยการรวบรวมคอนเซ็ปต์และแนวคิดล่าสุดของโลกแห่งศิลปะและเทคโนโลยี ที่ศิลปินร่วมกันสร้างสรรค์พร้อมจินตนาการถึงโลกแห่งอนาคต โดยสถานที่จัดแสดง Renovators ใน OPPO INNO WORLD ได้จัดแสดงผลงานจากศิลปินรุ่นเยาว์ทั้งหมด 8 ชิ้น เช่น AutoGene, Autonomy of Plant, Light High, Revival และอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อมุ่งมอบแพลตฟอร์มที่ศิลปินเหล่านี้สามารถแสดงผลงานสู่ผู้ชมทั่วโลกได้