1 ธ.ค. 2564 717 0

‘กรุงศรี’ จับมือ ‘ไอบีเอ็ม’ ดึงแพลตฟอร์ม Open API ยกระดับประสบการณ์ลูกค้าทั่วประเทศ พร้อมรองรับอีโคซิสเต็มธุรกิจของธนาคารเต็มรูปแบบ

‘กรุงศรี’ จับมือ ‘ไอบีเอ็ม’ ดึงแพลตฟอร์ม Open API ยกระดับประสบการณ์ลูกค้าทั่วประเทศ พร้อมรองรับอีโคซิสเต็มธุรกิจของธนาคารเต็มรูปแบบ

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) เปิดตัวแพลตฟอร์ม Open API ที่ก้าวล้ำไปอีกขั้น เชื่อมต่อคู่ค้าในอีโคซิสเต็มของธนาคารเข้ากับบริการดิจิทัลต่างๆ อาทิ การเติมเงินวอลเล็ต โอนเงิน ชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ รีวอร์ด สินเชื่อ ฯลฯ โดยแพลตฟอร์มดังกล่าวจะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจ พร้อมยกระดับประสบการณ์ลูกค้า รวมถึงสนับสนุนเป้าหมายของธนาคารในการทำให้บริการธนาคารเป็นเรื่องง่าย และเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของลูกค้า โดยมีเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นตัวขับเคลื่อน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนธุรกิจระยะกลางปี 2564-2566 ของกรุงศรี ทั้งนี้ การมุ่งเน้นที่การเสริมสร้างประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจด้านลูกค้าธุรกิจ ผ่านการสร้างอีโคซิสเต็มของธนาคารที่รองรับความต้องการของลูกค้าธุรกิจ จะผลักดันให้กรุงศรีเป็นสถาบันการเงินไทยที่เป็นที่หนึ่งในใจลูกค้า พร้อมเชื่อมโยงความต้องการของลูกค้าทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน
 
แพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้นภายใต้ความร่วมมือกับ IBM Consulting บน Red Hat OpenShift นี้ ช่วยให้อีโคซิสเต็มธุรกิจของกรุงศรี ไม่ว่าจะเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซ ธุรกิจด้านการเดินทาง ไลฟ์สไตล์ ประกันภัย และอุตสาหกรรมต่างๆ สามารถมอบบริการทางการเงินที่ดียิ่งขึ้นและตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคลแก่ลูกค้า ผ่านสถาปัตยกรรมระบบที่มีความปลอดภัย ทันสมัย และเป็นระบบเปิด แพลตฟอร์ม Open API ของกรุงศรียังตอกย้ำการเป็นหนึ่งในสถาบันการเงินที่มีเทคโนโลยีดิจิทัลก้าวล้ำที่สุดในภูมิภาคนี้ของธนาคาร
 
82% ของธุรกิจในประเทศไทยทำงานร่วมกับธนาคารคู่ค้าในการช่วยให้ธุรกิจก้าวทันนวัตกรรมเทคโนโลยีการเงิน รวมถึงการพัฒนากลยุทธ์และโซลูชันที่เหมาะกับองค์กร โดยวันนี้ ธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคถึง 48% ได้เริ่มนำ API เข้ามาสนับสนุนการดำเนินงาน รวมถึงก้าวย่างดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันภายใต้กระแสดิสรัปชันที่รุนแรงในปัจจุบัน [1]
 
ล่าสุดแบรนด์ทั้งในประเทศและในอาเซียน อาทิ เงินติดล้อ (TIDLOR) ได้เข้าร่วมแพลตฟอร์ม Open API ของกรุงศรีแล้ว เพื่อรองรับการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้าอย่างรวดเร็ว แพลตฟอร์มของกรุงศรียังมอบบริการโอนเงินระหว่างประเทศให้แก่สถาบันการเงินในลาว กัมพูชา และอินโดนีเซีย นอกจากนี้ การเชื่อมต่อระบบเข้ากับแพลตฟอร์มผู้ให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระหว่างประเทศ NIUM ยังทำให้ 13 ประเทศทั่วโลก อาทิ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และหลายประเทศในยุโรป สามารถเข้าถึงบริการของธนาคารได้


 
สยาม ประสิทธิศิริกุล ประธานกลุ่มสนับสนุนธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัลธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดิสรัปชันอันเป็นผลมาจากการแพร่ระบาด รวมถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและแรงผลักดันให้องค์กรต้องเปิดรับนวัตกรรมใหม่ๆ เหล่านี้ ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่เราต้องทบทวนและปรับกลยุทธ์ด้านนวัตกรรมและอีโคซิสเต็มใหม่ เพื่อแสวงหาแนวทางที่ดีที่สุดในการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้า วันนี้ กรุงศรีกำลังก้าวนำการเปลี่ยนแปลงด้วยการทรานส์ฟอร์มเทคโนโลยีที่ใช้อยู่ในปัจจุบันไปสู่สถาปัตยกรรมไอทียุคใหม่ เพื่อสนับสนุนแผนการขยายธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ ภายใต้อีโคซิสเต็มของกรุงศรี ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถเชื่อมต่อกับบริการของธนาคารได้อย่างไร้รอยต่อและสมบูรณ์ ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ปลอดภัยและเป็นระบบเปิด กรุงศรีให้ความสำคัญกับความรวดเร็วในการดำเนินงาน รวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการที่มุ่งเน้นผู้บริโภคเป็นหลัก โดยสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวสร้างความแตกต่างให้กับเรา ความแตกต่างที่กรุงศรีมุ่งมั่นพัฒนานี้จะช่วยสนับสนุนธุรกิจของลูกค้าในทุกกลุ่ม ตั้งแต่กลุ่ม SME ลูกค้าองค์กร ไปจนถึงกลุ่มลูกค้า JPC/ MNC โดยกรุงศรีมีเป้าหมายในการช่วยให้ลูกค้าเติบโต และพร้อมเดินหน้าส่งมอบประสบการณ์ทางการเงินที่เหนือชั้นให้กับลูกค้าทั่วประเทศไทย
 
แพลตฟอร์ม Open API ช่วยให้กรุงศรีและอีโคซิสเต็มคู่ค้าของธนาคารสามารถสร้าง เปิดใช้ บริหารจัดการ และสร้างรายได้จาก API ขณะที่ยังรักษาความเป็นส่วนตัวของลูกค้าไว้ได้อย่างปลอดภัย และมีการนำนโยบายด้านความปลอดภัยมาตรฐานเดียวกันมาใช้ทั่วทั้งสภาพแวดล้อมไฮบริดคลาวด์” สวัสดิ์ อัศดารณ Managing Partner และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจ IBM Consulting ของไอบีเอ็ม ประเทศไทย กล่าว

ต่อไปอนาคตของธนาคารจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับบริการเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับคุณค่าของบริการที่ธนาคารสร้างขึ้นสำหรับลูกค้าและอีโคซิสเต็มคู่ค้าด้วย วันนี้ กรุงศรีกำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่ง ทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค ด้วยแพลตฟอร์ม Open API”

การใช้สถาปัตยกรรม zero trust และหลักการ zero trust บนแพลตฟอร์มดังกล่าว โดยกำหนดให้มีผู้ใช้ที่มีสิทธิในการเข้าระบบน้อยที่สุดและตรวจสอบการเข้าระบบทุกครั้ง ช่วยให้กรุงศรีสามารถตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติของผู้ที่เข้าใช้ระบบ มอนิเตอร์การตั้งค่าระบบคลาวด์ที่ผิดพลาด และบังคับใช้นโยบายด้านความปลอดภัยผ่านเทคโนโลยีออโตเมชันได้ ซึ่งช่วยให้การทำงานของแพลตฟอร์มดังกล่าวเป็นไปอย่างสอดคล้องกับกฎข้อบังคับที่กำกับดูแลอยู่เสมอ

ข้อมูลอ้างอิง

[1] DBS 2020 Digital Treasurer Survey: https://www.dbs.com/newsroom/DBS_survey_finds_Singapore_businesses_to_be_most_digitally_ready_in_Asia_Pacific
 
เกี่ยวกับกรุงศรี
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) เป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของไทยด้านสินทรัพย์ สินเชื่อ และเงินฝาก และเป็นหนึ่งในหกสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ (D-SIB) โดยดำเนินธุรกิจมานานถึง 76 ปี กรุงศรีเป็นบริษัทในเครือของมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) กลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในกลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดระดับโลก กลุ่มกรุงศรีให้บริการทางการเงินการธนาคารอย่างครบวงจร ทั้งในด้านสินเชื่อเพื่อรายย่อย การลงทุน การบริหารจัดการกองทุน รวมทั้งผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินอันหลากหลายแก่กลุ่มลูกค้าบุคคล ลูกค้า SME และลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ ผ่านสาขาของธนาคารกว่า 652 สาขา (เป็นสาขาที่ให้บริการทางการเงินในรูปแบบปกติ 613 สาขาและสาขาที่ให้บริการเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ 39 สาขา) และช่องทางการขายกว่า 32,532 แห่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ กรุงศรียังเป็นผู้ออกบัตรเครดิตรายใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยมีจำนวนบัญชีบัตรเครดิตและสินเชื่อเพื่อการผ่อนชำระ/สินเชื่อส่วนบุคคลมากกว่า 9.6 ล้านบัญชี และเป็นผู้ให้บริการด้านสินเชื่อรถยนต์ชั้นนำ (กรุงศรี ออโต้) พร้อมทั้งมีบริษัทบริหารจัดการกองทุนที่มีอัตราเติบโตสูงที่สุดแห่งหนึ่ง (บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงศรี จำกัด) ทั้งยังเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้มีรายได้น้อย (บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน)) อีกด้วย
กรุงศรีมีพันธสัญญาในการดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์สุจริตอย่างสูงสุด ธนาคารและบริษัทในเครือได้ผ่านการรับรองการเป็นสมาชิกอย่างสมบูรณ์ของ “แนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริต” โดยมุ่งร่วมมือกับองค์กรชั้นนำในไทยและผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียของธนาคาร เพื่อให้การดำเนินธุรกิจปราศจากการทุจริตคอร์รัปชั่น
 
เกี่ยวกับมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG)
 
มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) เป็นหนึ่งในกลุ่มสถาบันทางการเงินชั้นนำระดับโลก มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่
ณ กรุงโตเกียว ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานในการดำเนินธุรกิจกว่า
360 ปี MUFG มีเครือข่ายสำนักงานราว 2,500 แห่ง ในกว่า 50 ประเทศทั่วโลกและมีพนักงานกว่า 170,000 คน MUFG นำเสนอบริการทางการเงินที่หลากหลายครอบคลุมทั้งธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ทรัสต์แบงก์กิ้ง ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจบัตรเครดิต ธุรกิจสินเชื่อเพื่อรายย่อย ธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธุรกิจเช่าซื้อ MUFG มีเป้าหมายที่จะเป็น “กลุ่มสถาบันทางการเงินที่ได้รับความเชื่อถือมากที่สุดในโลก” ด้วยการผสานศักยภาพในการดำเนินธุรกิจเพื่อตอบสนองทุกความต้องการทางการเงินของลูกค้าโดยคำนึงถึงสังคมและการแบ่งปัน สู่ความเติบโตอย่างยั่งยืน  MUFG จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ตลาดหลักทรัพย์นาโกยา และตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MUFG กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์
ณ กรุงโตเกียว ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานในการดำเนินธุรกิจกว่า 360 ปี MUFG มีเครือข่ายสำนักงานราว 2,500 แห่ง ในกว่า 50 ประเทศทั่วโลกและมีพนักงานกว่า 170,000 คน MUFG นำเสนอบริการทางการเงินที่หลากหลายครอบคลุมทั้งธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ทรัสต์แบงก์กิ้ง ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจบัตรเครดิต ธุรกิจสินเชื่อเพื่อรายย่อย ธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธุรกิจเช่าซื้อ MUFG มีเป้าหมายที่จะเป็น “กลุ่มสถาบันทางการเงินที่ได้รับความเชื่อถือมากที่สุดในโลก” ด้วยการผสานศักยภาพในการดำเนินธุรกิจเพื่อตอบสนองทุกความต้องการทางการเงินของลูกค้าโดยคำนึงถึงสังคมและการแบ่งปัน สู่ความเติบโตอย่างยั่งยืน  MUFG จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ตลาดหลักทรัพย์นาโกยา และตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MUFG กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ https://www.mufg.jp/english