26 ต.ค. 2564 1,573 4

อาลีบาบา คลาวด์ เดินหน้าพันธสัญญาต่อประเทศไทย โครงการด้านพันธมิตรและเสริมศักยภาพทักษะดิจิทัล พร้อมแผนเปิดไฮเปอร์สเกลดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรกของอาลีบาบา คลาวด์ ในไทยปีหน้า 65

อาลีบาบา คลาวด์ เดินหน้าพันธสัญญาต่อประเทศไทย โครงการด้านพันธมิตรและเสริมศักยภาพทักษะดิจิทัล  พร้อมแผนเปิดไฮเปอร์สเกลดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรกของอาลีบาบา คลาวด์ ในไทยปีหน้า 65

อาลีบาบา คลาวด์ ธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและหน่วยงานหลักด้านอินเทลลิเจนซ์ของอาลีบาบา กรุ๊ป เดินหน้าสานต่อพันธกิจในประเทศไทย เพิ่มความช่วยเหลือ เสริมความแข็งแกร่งด้านกลยุทธ์ในไทยด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้งาน พร้อมให้การสนับสนุนระบบนิเวศ การฝึกอบรมบุคลากรที่มีทักษะความสามารถ และการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน


อาลีบาบา คลาวด์ ได้รับการจัดอันดับจากการ์ทเนอร์ให้เป็นผู้บริการคลาวด์ชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เปิดตัว Thailand Partner Alliance 100  ระบบนิเวศที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนพันธมิตรในท้องถิ่นและส่งเสริมการทำงานร่วมกันในด้านต่าง ๆ อาทิ ด้านการตลาด การขายและสนับสนุนทางด้านเทคนิค องค์กรธุรกิจสามารถเข้าใช้งานเครื่องมือดิจิทัลที่สำคัญต่าง ๆ ในระบบนิเวศนี้ได้ และพันธมิตรด้านโซลูชัน (solution partners) จะได้รับผลกำไรที่แข่งขันได้ในระดับสูงเมื่อเลือกใช้ผลิตภัณฑ์หลักต่าง ๆ เช่น ECS, Database, Content Delivery Networks and Short Message Services รวมถึงการให้การสนับสนุนด้านเทคนิคและเงินทุนด้านการผสานรวมเทคโนโลยีสำหรับพันธมิตรด้านโซลูชันที่ต้องการสร้างสรรค์นวัตกรรมบนอาลีบาบา คลาวด์ สำหรับพันธมิตรด้านบริการ (service partners) จะสามารถเข้าใช้การสนับสนุนด้านการโยกย้ายการทำงานระหว่างระบบต่าง ๆ และได้รับคลาวด์เครดิตฟรี

เซลินา หยวน ผู้จัดการทั่วไปด้านธุรกิจระหว่างประเทศ อาลีบาบา คลาวด์ อินเทลลิเจนซ์ กล่าวว่า “การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่าการเติบโตของผู้ใช้งานบริการพับลิคคลาวด์ทั่วโลกจะอยู่ที่ 23.1 เปอร์เซ็นต์ในปี พ.ศ. 2564 เมื่อเทียบกับในปี พ.ศ. 2563  ด้วยอัตราการใช้คลาวด์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก และโอกาสต่าง ๆ ที่ธุรกิจในท้องถิ่นจะได้รับจากระบบคลาวด์ ทำให้หนึ่งในพันธกิจหลักของเราคือการทำงานใกล้ชิดกับพันธมิตรไทย เพื่อเสริมศักยภาพการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลให้กับลูกค้า ข้อมูลเชิงลึกทางธุรกิจที่ทรงคุณค่าของเราในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนั้นสามารถรองรับและสนับสนุนได้หลากหลายภาคอุตสาหกรรม เมื่อใช้ควบคู่กับเทคโนโลยีโซลูชันชั้นนำที่เราให้บริการลูกค้าทั่วโลกจะสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับพันธมิตรของเราในการพัฒนาความสามารถใหม่ ๆ และขยายความสำเร็จทางธุรกิจไปพร้อมกับเรา”


ตัวอย่างผู้ค้าปลีกไทย จะได้ประโยชน์จากโซลูชันของอาลีบาบา คลาวด์ ที่รองรับการใช้งานกับลาซาด้า (Lazada) ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของอาลีบาบา กรุ๊ป และจะสามารถเข้าใช้งานชุดโซลูชันต่าง ๆ ตั้งแต่โซลูชันในการผสานการทำงานระหว่างออนไลน์กับออฟไลน์ และเครื่องมือที่ใช้สนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ บนเส้นทางการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการของผู้บริโภค ไปจนถึงบริการบริหารจัดการสินค้าคงคลัง และการตลาดที่เจาะลูกค้าเป็นรายบุคคล นอกจากนี้อาลีบาบา คลาวด์ ยังให้บริการด้านต่าง ๆ กับบริษัทด้านการเงินของไทย เช่นบริการที่รองรับเทคโนโลยี eKYC ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการยืนยันพิสูจน์ตัวตนและการทำความรู้จักลูกค้าผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ บริการที่รองรับการหาลูกค้าใหม่ผ่านอุปกรณ์โมบาย และโซลูชันการให้สินเชื่อดิจิทัลที่ใช้ AI เป็นต้น


อาลีบาบา คลาวด์ เปิดตัว Academic Empowerment Program ซึ่งเป็นโครงการเสริมศักยภาพทางวิชาการให้กับนักศึกษา นักวิชาการ และนักวิจัย เพื่อสร้างแรงงานที่มีทักษะด้านดิจิทัลของประเทศไทยในอนาคต  ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับทรัพยากรด้านคลาวด์คอมพิวติ้งฟรี รวมถึงโอกาสในการฝึกอบรม และความช่วยเหลือทางการเงิน เพื่อเสริมสร้างความรู้ให้สอดคล้องกับนโยบาย Thailand 4.0 ซึ่งเป็น


กลยุทธ์ 20 ปีของรัฐบาลไทยในการส่งเสริมนวัตกรรมด้านดิจิทัลและการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างยั่งยืน โครงการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อฝึกอบรมทักษะดิจิทัลให้กับผู้เข้าร่วมโปรแกรมจำนวน 20,000 คนภายในปี พ.ศ. 2566 โดยมีมหาวิทยาลัยมหิดลเป็นสถาบันการศึกษาแห่งแรกในประเทศไทยที่เข้าร่วมกับอาลีบาบา คลาวด์ ในโครงการด้านนี้


 

ศาสตราจารย์ นายแพทย์บรรจง มไหสวริยะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า “ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยมหิดลและอาลีบาบา คลาวด์ เป็นการปูพื้นฐานที่แข็งแกร่งให้นักศึกษาได้มีโอกาสสร้างสรรค์สิ่งใหม่และเรียนรู้ทักษะดิจิทัลที่เป็นเทคโนโลยีล่าสุด เพื่อร่วมกันสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ” อาลีบาบา คลาวด์ ยังวางแผนจะเปิดดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งในขณะนี้ตั้งเป้าหมายจะเปิดตัวในปี พ.ศ. 2565 เพื่อรองรับการเติบโตด้านคลาวด์ของประเทศไทยที่เพิ่มขึ้น และความต้องการดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีผลพวงมาจากการระบาดของโควิด-19



ไทเลอร์ ชิว ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย อาลีบาบา คลาวด์ อินเทลลิเจนซ์ กล่าวว่า “ขณะนี้อาลีบาบา คลาวด์ มีแผนตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทย เพราะเล็งเห็นถึงความต้องการของธุรกิจไทยในการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลที่เพิ่มมากขึ้น ในฐานะผู้ให้บริการคลาวด์ชั้นนำของโลก เราเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลสำคัญต่อประเทศมากเพียงใด และประเทศจะได้ประโยชน์อะไรบ้างในระยะยาวจากการเปลี่ยนแปลงนี้ อาลีบาบา คลาวด์ได้ทุ่มเทเพื่อให้โซลูชันต่าง ๆ ของเราพร้อมใช้สำหรับทุกคน รวมถึงการทำงานร่วมกับพันธมิตรไทย เพื่อสร้างระบบนิเวศที่รองรับอนาคตทางดิจิทัล” ดาต้าเซ็นเตอร์แห่งใหม่ในประทศไทยจะนำเสนอผลิตภัณฑ์ และโซลูชันที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของธุรกิจไทยและธุรกิจจากต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ใช้สนับสนุนการดำเนินงานในระดับสากลของอาลีบาบา กรุ๊ปเอง ในด้านค้าปลีก โลจิสติกส์ Fintech สื่อและความบันเทิง และการตลาดดิจิทัล



ข้อมูลจากรายงาน BOI's Data Center and Cloud Service in Thailand ได้คาดการณ์ว่าภายในปีพ.ศ. 2570 เศรษฐกิจดิจิทัลของไทยจะมีสัดส่วน 25% ของ GDP ของประเทศ ตัวขับเคลื่อนที่สำคัญคือ อีคอมเมิร์ซ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและการใช้โทรศัพท์มือถือ รวมถึงระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ ดาต้าเซ็นเตอร์และบริการคลาวด์ต่างๆ เป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจดิทัลทั่วโลก และเป็นที่คาดการณ์ว่าตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ของอาเซียนจะมีมูลค่าสูงถึง 5.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี พ.ศ. 2567 ปัจจุบันผู้บริโภคไทยและในอาเซียนได้รับแรงจูงใจให้ใช้บริการดิจิทัลมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกัน ธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ ก็กำลังปรับเปลี่ยนตัวเองอย่างมาก ซึ่งจะเพิ่มความต้องการดาต้าสตอเรจและบริการดิจิทัลต่างๆ ที่ทำงานบนคลาวด์ และอาลีบาบา คลาวด์ ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการเปิดดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรกของบริษัทในประเทศไทยครั้งนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนความสำเร็จตามนโยบาย Thailand 4.0 ของประเทศไทย

 





จากหน่วยงานที่เป็นพลังเสริมทางเทคโนโลยี

ให้กับธุรกิจของอาลีบาบา กรุ๊ป

ก้าวสู่การเป็นผู้ให้บริการคลาวด์ชั้นนำของโลก

  

 

·        อาลีบาบา คลาวด์ (www.alibabacloud.com) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2552 เป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและหน่วยงานหลักด้านโครงสร้างพื้นฐานชาญฉลาด (intelligence backbone) ของอาลีบาบา กรุ๊ป เป็นหนึ่งใน 3 ผู้ให้บริการคลาวด์ระดับสูงสุดของโลก เป็นผู้นำด้านผู้ให้บริการ Infrastructure as a Service (Iaas) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และจากรายงานของ IDC อาลีบาบา คลาวด์เป็นผู้ให้บริการคลาวด์อันดับหนึ่งในประเทศจีน

 

·        อาลีบาบา คลาวด์ ในฐานะหน่วยงานหลักด้านเทคโนโลยีของอาลีบาบา กรุ๊ป ทำหน้าที่เป็น

ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ปลอดภัย และสามารถปรับขนาดการใช้งานได้อย่างคล่องตัว รวมถึงแอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI ให้กับธุรกิจต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้อาลีบาบา กรุ๊ป จำนวนมาก นับจากธุรกิจค้าปลีกไปจนถึงการเงินและโลจิสติกส์ และให้บริการสนับสนุนการทำงานของลาซาด้าในประเทศสิงคโปร์และประเทศไทย

   

·        อาลีบาบา คลาวด์ ให้บริการคลาวด์คอมพิวติ้งครบวงจรแก่ธุรกิจทั่วโลก รวมถึงผู้ค้าขายบน

มาร์เก็ตเพลสของอาลีบาบา กรุ๊ป สตาร์ทอัพ องค์กรธุรกิจ และภาครัฐ ทั้งนี้อาลีบาบา คลาวด์ เป็นพันธมิตรด้านการให้บริการระบบคลาวด์อย่างเป็นทางการของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล และได้นำเทคโนโลยีของบริษัทไปสนับสนุน "2020 Tokyo Olympic Games" ที่จัดแข่งขันไปเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2564

 

·        ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2561 หน่วยบริการกระจายเสียงแพร่ภาพโอลิมปิก (OBS) และอาลีบาบา คลาวด์ เปิดตัว OBS Cloud ซึ่งเป็นโซลูชันการกระจายเสียงและการแพร่ภาพออกอากาศแบบใหม่ที่ทำงานบนระบบคลาวด์ทั้งหมด เพื่อช่วยทรานส์ฟอร์มอุตสาหกรรมสื่อสู่ยุคดิจิทัล โดยวัตถุประสงค์ของ OBS Cloud คือ ให้บริการองค์ประกอบที่จำเป็นของระบบคลาวด์ทั้งหมด และตั้งค่าการใช้งานในรูปแบบเฉพาะ ที่สามารถรองรับความต้องการในการผลิตคอนเทนต์ปริมาณมหาศาลจากการแข่งขันกีฬาต่าง ๆ และส่งกระจายเสียงแพร่ภาพออกอากาศไปทั่วโลก 

 

·        นายยานนิส เอ็กซาร์คอส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ OBS กล่าวว่า "การเป็นพันธมิตร

กับอาลีบาบา คลาวด์ เปลี่ยนแปลงวิธีการถ่ายทอดกีฬาโอลิมปิกไปยังผู้ชมให้ได้กว้างมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งอาจเป็นการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีครั้งใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรม

การกระจายเสียงและการแพร่ภาพออกอากาศ หลังจากที่มีการนำระบบถ่ายทอดผ่านดาวเทียม

มาใช้รายงานข่าวโอลิมปิกเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2507 ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงโตเกียว นับเป็นเวลา

ครึ่งศตวรรษเลยทีเดียว

  

·        ปัจจุบัน อาลีบาบา คลาวด์ มีดาต้าเซ็นเตอร์อยู่ใน 80 โซนใน 25 ภูมิภาคทั่วโลก ทั้งในประเทศจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ อินเดีย ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง ยุโรป (เยอรมนี และสหราชอาณาจักร) และสหรัฐอเมริกา (แถบชายฝั่งตะวันออกและตะวันตก) ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา อาลีบาบา คลาวด์ เปิดตัวผลิตภัณฑ์กว่า 200 รายการ ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับคลาวด์ ระบบความปลอดภัย ข้อมูลอัจฉริยะ และแอปพลิเคชันที่กำกับการทำงานด้วย AI

  

·        อาลีบาบา คลาวด์ เป็นผู้ให้บริการคลาวด์รองรับมหกรรมช็อปปิ้งระดับโลก 11.11 ซึ่งเป็นกิจกรรมด้านค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีมูลค่าธุรกรรมสูงถึง 74.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตลอดช่วง 11 วันในปี พ.ศ. 2563 สามารถรองรับคำสั่งซื้อช่วงสูงสุดได้ถึง 583,000 รายการต่อวินาที โดยไม่มีดาวน์ไทม์เลย

  

·        อาลีบาบา คลาวด์ ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว และการปกป้องข้อมูลสูงสุด

บริษัทมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามกฎระเบียบและมาตรฐานอุตสาหกรรมของแต่ละท้องถิ่น และปัจจุบันอาลีบาบา คลาวด์ ได้รับการรับรองความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนดจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกว่า 80 แห่งทั่วโลก 

 

ผู้สร้างระบบนิเวศในประเทศไทย 

 

·        อาลีบาบา คลาวด์ เปิดตัว Thailand Partner Alliance 100 ในปี พ.ศ. 2564 โปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมเกี่ยวกับระบบนิเวศที่ให้บริการด้านการตลาด สนับสนุนด้านการขายและเทคนิค ให้กับพันธมิตรไทย เพื่อสร้างสรรโซลูชันที่ช่วยในการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล

  

·        นอกจากพันธมิตรจะได้รับการสนับสนุนเต็มรูปแบบแล้ว อาลีบาบา คลาวด์จะนำเสนออัตรากำไร

ที่แข่งขันได้ในระดับสูงให้กับพันธมิตรช่องทางจำหน่าย (channel partners) ที่ใช้ผลิตภัณฑ์หลักต่าง ๆ เช่น ECS, Database, Content Delivery Networks และ Short Message Services และสนับสนุนเงินกองทุนให้กับผู้ให้บริการด้านเทคนิคและการควบรวมเทคโนโลยีในท้องถิ่น ให้กับพันธมิตรด้านโซลูชัน (solution partners) สำหรับพันธมิตรด้านบริการ (service partners) จะสามารถเข้าใช้การสนับสนุนด้านการโยกย้ายการทำงานระหว่างระบบต่าง ๆ และได้รับคลาวด์เครดิตฟรี 

  

·        อาลีบาบา คลาวด์ ทำงานร่วมกับพันธมิตรทั่วโลก เช่น Salesforce, IBM, VMware, SAP, Equinix, MongoDB เพื่อนำเทคโนโลยีชั้นนำมาทำงานร่วมกับอาลีบาบา คลาวด์ แพลตฟอร์ม เพื่อให้บริการเทคโนโลยีใหม่ ๆ แก่ลูกค้า บริษัทฯ ให้พันธสัญญาที่จะสร้างเครือข่ายสนับสนุนพันธมิตร ผู้จำหน่ายเทคโนโลยี ผู้ให้บริการทางเทคโนโลยี ผู้ให้บริการจัดการระบบ บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์อิสระและนักพัฒนา รวมถึงลูกค้าในประเทศไทยและทั่วโลก เพื่อเพิ่ม

ขีดความสามารถในการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลให้กับทุกภาคส่วน 

  

·        เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2563 อาลีบาบา คลาวด์ ได้ประกาศลงทุน 2 พันล้านหยวน (283 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) สำหรับปีงบประมาณนี้ เพื่อใช้ในการเสริมแกร่งให้กับพันธมิตรทั่วโลก และเร่งสร้างนวัตกรรมร่วมกันเพื่อรองรับยุคหลังการแพร่ระบาด วัตถุประสงค์ของการลงทุนนี้ คือ ช่วยให้พันธมิตรของบริษัทฯ ได้ใช้ความสามารถทางดิจิทัลได้อย่างรวดเร็ว สามารถสร้างผลิตภัณฑ์และโซลูชันร่วมกันเพื่อส่งต่อประโยชน์ให้กับลูกค้าทุกอุตสาหกรรมได้มากขึ้น  

 

การพัฒนาบุคลากรที่มีทักษะและความสามารถด้านดิจิทัลในประเทศไทย

 

·        อาลีบาบา คลาวด์ มีเป้าหมายที่จะฝึกอบรมนักศึกษา นักวิชาการ และนักวิจัย ภายใต้ Academic Empowerment Program ภายในปี พ.ศ. 2566 โดยมีมหาวิทยาลัยมหิดลเป็นสถาบันการศึกษาแห่งแรกในประเทศไทยที่เข้าร่วมกับอาลีบาบา คลาวด์ ในโครงการด้านนี้

 

·        ผู้เข้าร่วมโปรแกรมจะได้รับทรัพยากรด้านคลาวด์คอมพิวติ้งฟรี รวมถึงโอกาสในการฝึกอบรม และความช่วยเหลือทางการเงิน เพื่อเสริมสร้างความรู้ให้สอดคล้องกับนโยบาย Thailand 4.0 ซึ่งเป็นกลยุทธ์ 20 ปีของรัฐบาลไทยในการส่งเสริมนวัตกรรมด้านดิจิทัลและการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างยั่งยืน