22 ต.ค. 2564 1,218 7

Cisco ปักธงบุกตลาดไทยเต็มสูบ ด้วยซอฟต์แวร์ยกระดับทำงานแบบไฮบริด Hybrid Work ให้เป็นมากกว่าอุปกรณ์ 5G

Cisco ปักธงบุกตลาดไทยเต็มสูบ ด้วยซอฟต์แวร์ยกระดับทำงานแบบไฮบริด Hybrid Work ให้เป็นมากกว่าอุปกรณ์ 5G


ซิสโก้ (NASDAQ: CSCO) เปิดตัวรายงานผลการศึกษาดัชนีการทำงานแบบไฮบริดทั่วโลก (Hybrid Work Index - HWI) เป็นครั้งแรก โดยอ้างอิงข้อมูลลูกค้าแบบรวมที่ไม่ระบุชื่อหลายล้านรายการ ดัชนีดังกล่าวได้รับการอัพเดตทุกไตรมาส โดยศึกษาพฤติกรรม และรูปแบบการใช้งานเทคโนโลยี ซึ่งรายงานชี้ให้เห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนต่อรูปแบบการทำงานในช่วงหนึ่งปีครึ่งที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่าบุคลากรที่ทำงานในรูปแบบไฮบริดคาดหวังว่าจะมีการปรับปรุงด้านความยืดหยุ่นในการทำงาน การเข้าถึงระบบ และความปลอดภัย ขณะที่องค์กรธุรกิจพยายามตอบสนองความต้องการด้านเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้น

ชัค ร็อบบินส์ ประธานกรรมการและซีอีโอของซิสโก้ กล่าวว่า “เราอยู่ในช่วงเวลาสำคัญในการกำหนดรูปแบบการทำงานใหม่ที่ต่างไปจากเดิม บุคลากรทุกคนในทุกที่ทั่วโลกต้องการสถานที่ทำงานที่รองรับการทำงานอย่างเหมาะสม และมีประสิทธิภาพ และถือเป็นหน้าที่ของเราในฐานะผู้บริหารองค์กรที่จะต้องเรียนรู้ และค้นหาหนทางที่ดีที่สุดในการสนับสนุน และเสริมสร้างขีดความสามารถให้กับพนักงานของเรา เพื่อรองรับการทำงานได้ทุกที่”

ซิสโก้มีความสามารถโดดเด่นด้านการรวบรวมข้อมูลเชิงลึกจากเครื่องมือที่หลากหลาย ซึ่งรองรับการทำงานแบบไฮบริด โดยครอบคลุมเครือข่าย อุปกรณ์ปลายทาง และแอพพลิเคชั่นต่างๆ จากลูกค้าหลายล้านคนทั่วโลก ชุดข้อมูลรวมที่ไม่ระบุชื่อนี้ บวกกับผลการสำรวจความคิดเห็นของลูกค้า ให้ข้อมูลเชิงลึกสำหรับดัชนี HWI โดยประเด็นหลักต่างๆ จากดัชนี HWI นี้จะช่วยให้ผู้บริหารองค์กรธุรกิจเข้าใจแนวทางการดำเนินงานที่เหมาะสม เพื่อความสำเร็จระยะยาวในการสร้างประสบการณ์ทำงานแบบไฮบริดแก่พนักงานและองค์กร:


ทวีวัฒน์ จันทรเสโน กรรมการผู้จัดการ ซิสโก้ ประเทศไทย และภูมิภาคอินโดจีน กล่าวว่า “การก้าวไปสู่การทำงานแบบไฮบริดที่ประสบความสำเร็จต้องคำนึงถึงองค์ประกอบสำคัญสองประการ คือ การให้ความสะดวกกับพนักงานในการทำงานได้ทุกที่ และการทรานส์ฟอร์มเวิร์คสเปซ องค์กรธุรกิจที่สนันสนุนกลยุทธ์การทำงานแบบไฮบริด ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของพนักงาน และการมีส่วนร่วม จะดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถให้คงอยู่ และประสบความสำเร็จในระยะยาว"

“การทำให้พนักงานที่ทำงานแบบไฮบริดประสบความสำเร็จนั้น บริษัทต่างๆ จำเป็นต้องแน่ใจว่าได้มอบประสบการณ์ที่มีส่วนร่วมให้กับพนักงาน รวมถึงความปลอดภัยไม่ว่าพวกเขาจะทำงานจากที่ใดก็ตาม ในขณะเดียวกัน จากมุมมองของการเปลี่ยนแปลงสถานที่ทำงาน ธุรกิจต่างๆ ควรใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีในการเปลี่ยนสถานที่ทำงานให้เป็นศูนย์กลางของความคิดสร้างสรรค์ และอินโนเวชั่น นี่คือสิ่งที่จะส่งผลกระทบกับบริษัทมากที่สุด เพราะเรากำลังมุ่งไปสู่การทำงานที่ไม่ต้องพึ่งพาสถานที่ประจำที่พนักงานต้องไป แต่เป็น ‘ลักษณะงาน’ ที่พวกเขาทำจากสถานที่ที่พวกเขาเลือกมากกว่า”

ประเด็นสำคัญจากรายงานสำหรับผู้บริหารฝ่ายบุคคล
§ พนักงานต้องการทางเลือก และสถานที่ทำงานแบบไฮบริดช่วยให้พนักงานมีความภักดีต่อองค์กรมากขึ้น: 64% เห็นด้วยว่าตัวเลือกในการทำงานจากที่บ้าน แทนที่จะต้องเข้าออฟฟิศ ส่งผลต่อการตัดสินใจว่าจะลาออกหรืออยู่ต่อ อย่างไรก็ตาม ยังมีความไม่แน่นอนว่านายจ้างจะตระหนักถึงศักยภาพของการทำงานแบบไฮบริดหรือไม่ โดยมีเพียง 47% ที่คิดว่าบริษัทของตนจะอนุญาตให้พนักงานทำงานได้จากทุกที่แทนการทำงานในออฟฟิศ ใน 6-12 เดือนข้างหน้า

§ ความยืดหยุ่นและสุขภาพ คือปัจจัยหลักที่ผลักดันการทำงานแบบไฮบริด: ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เห็นด้วยว่าสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี รวมถึงการทำงานที่ยืดหยุ่น เป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการปรับเปลี่ยนไปสู่รูปแบบการทำงานไฮบริดในอนาคต

§ การทำงานแบบไฮบริดส่งผลให้การประชุมขณะเดินทางพุ่งสูงขึ้น: ก่อนการแพร่ระบาด พนักงานใช้เวลา 9% ไปกับการประชุมผ่านโมบายล์ แต่เมื่อเข้าสู่โลกการทำงานแบบไฮบริด ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้น 3 เท่า โดยปัจจุบันอยู่ที่ 27%

§ มีการประชุมเกิดขึ้นทั่วทุกที่ แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะ “เข้าร่วม” ในลักษณะเดียวกัน: มีการประชุมเกิดขึ้นกว่า 61 ล้านครั้งทั่วโลกในแต่ละเดือนผ่านทางแพลตฟอร์ม Cisco Webex แต่มีผู้เข้าร่วมเพียง 48% เท่านั้นที่เป็นฝ่ายนำเสนอในที่ประชุม นอกจากนี้ ใน 98% ของการประชุม มีอย่างน้อย 1 คนที่เข้าร่วมประชุมแบบรีโมท จึงมีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการประชุมเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้เข้าร่วมที่ไม่ได้อยู่ในห้องประชุม และทำให้เกิดความรู้สึกเท่าเทียมกันกับผู้เข้าร่วมที่อยู่ในห้องประชุม

§ การทำงานแบบไฮบริดช่วยดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถหลากหลาย: 82% ของผู้ตอบแบบสอบถามเห็นด้วยว่าการเข้าถึงบริการเชื่อมต่อมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการฟื้นฟูธุรกิจหลังการแพร่ระบาด รวมถึงความสำคัญของการเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงตำแหน่งงาน การศึกษา และบริการด้านสุขภาพอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง การเข้าถึงบริการเชื่อมต่อเพิ่มมากขึ้นจะช่วยให้บุคลากรสามารถทำงานให้กับองค์กรใดก็ได้บนโลกใบนี้ ขณะเดียวกันบริษัทก็สามารถสรรหาบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถได้จากทุกที่ ไม่ว่าบุคลากรจะทำงานอยู่ที่ใดก็ตาม

§ AI ไม่ได้เข้ามาทำงานแทนพนักงาน แต่ AI จะเป็นแกนหลักสำหรับการทำงานในอนาคต: การใช้เทคโนโลยี AI ที่เพิ่มขึ้นกว่า 200% ในเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน 2564 ชี้ให้เห็นว่าบุคลากรต้องการระบบการประชุมที่ปรับปรุงให้ดีขึ้น รวมถึงฟีเจอร์ต่างๆ ที่ใช้ในการประชุม เช่น การตัดเสียงรบกวน การแปลและถอดเสียงโดยอัตโนมัติ การสร้างโพลล์สำรวจ และการจดจำท่าทาง ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกในการมีส่วนร่วมไม่ว่าจะเป็นการประชุมภายในห้อง หรือบนระบบเสมือนจริงก็ตาม

ประเด็นสำคัญสำหรับผู้บริหารฝ่ายเทคโนโลยี

§ เครือข่ายภายในบ้านกลายเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญที่สุดของเครือข่ายองค์กร: ตั้งแต่เริ่มเกิดการแพร่ระบาด อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการทำงานนอกสถานที่ (teleworker devices) มีการเติบโตถึง 2 เท่า เมื่อเทียบกับเราเตอร์สำหรับองค์กรธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

§ ภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นตอกย้ำความสำคัญของระบบรักษาความปลอดภัยที่มุ่งเน้นผู้ใช้ (user-centric): ในช่วงแพร่ระบาด มีความพยายามเจาะระบบเพิ่มขึ้น 2.4 เท่า โดยในเดือนกันยายน 2564 พนักงานที่ทำงานแบบไฮบริดตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของภัยคุกคามทางอีเมลกว่า 100 ล้านครั้งต่อวัน สถานการณ์ดังกล่าวตอกย้ำถึงความสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานด้านการรักษาความปลอดภัยที่จะช่วยให้บุคลากรสามารถเข้าถึงระบบสำหรับการทำงานอย่างปลอดภัย และรอดพ้นจากการโจมตีและการหลอกลวง

§ องค์กรมองว่า “แอพที่ใช้ในการทำงานร่วมกัน” มีความสำคัญมากที่สุดต่อความสำเร็จของการทำงานแบบไฮบริด: แอพที่ใช้ในการทำงานร่วมกัน (Collaboration) ครองอันดับ 1 ในประเภทของแอพพลิเคชั่นที่มีการมอนิเตอร์มากที่สุดทั่วโลก โดยแอพสำหรับการทำงานร่วมกันแซงหน้าแอพพลิเคชั่นที่ตรวจสอบด้านประสิทธิภาพการทำงาน และแอพที่ช่วยในการเข้าถึงอย่างปลอดภัย โดยมีการใช้งานอย่างมากในช่วงเริ่มต้นของการแพร่ระบาด และช่วง WFH

§ เครือข่ายของผู้ให้บริการคลาวด์มีเสถียรภาพมากกว่าผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP): ในช่วงเดือนมกราคม 2563 ถึงสิงหาคม 2564 พบว่าปัญหาระบบการทำงานล่มจากเครือข่ายของผู้ให้บริการคลาวด์เพียง 5% ขณะที่ 95% ที่เหลือล่มจากเครือข่ายของ ISP

§ พนักงานเตรียมกลับเข้าทำงานในออฟฟิศ: อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi ในออฟฟิศเพิ่มขึ้น 61% เมื่อเทียบกับ 6 เดือนที่แล้ว การเติบโตนี้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในภาคอุดมศึกษา บริการด้านวิชาชีพ และธุรกิจบริการต้อนรับ

รายงาน Global Hybrid Work Index เป็นรายงานเพียงหนึ่งเดียวที่ศึกษาพฤติกรรมการทำงานของบุคลากร การใช้เทคโนโลยีในองค์กร และการดำเนินธุรกิจ เพื่อระบุเทรนด์การทำงานใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยอ้างอิงข้อมูลเชิงลึกที่กลั่นกรองมาจากข้อมูลลูกค้าที่ไม่ระบุชื่อแบบรวมหลายล้านรายการ ซึ่งเก็บรวบรวมจากแพลตฟอร์มต่างๆ ของซิสโก้ ทั้งในส่วนของแพลตฟอร์มที่รองรับการทำงานร่วมกัน (Webex), ระบบเครือข่าย (Meraki), การติดตามประสิทธิภาพของอินเทอร์เน็ต (ThousandEyes) และการรักษาความปลอดภัย (Talos, Duo, Umbrella) นอกจากนี้ ยังใช้ข้อมูลจากการสำรวจความคิดเห็นที่ดำเนินการโดยองค์กรอิสระ ซึ่งมีผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 39,000 คนใน 34 ประเทศ ครอบคลุมทั้งในส่วนของผู้บริหารฝ่ายสารสนเทศ ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจด้านไอที และพนักงาน และมีการใช้ข้อมูลของพนักงานซิสโก้ร่วมด้วยสำหรับการศึกษาวิจัย

จากการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Adslthailand พบว่า ภายในสามปีเราจะมีการทำเรื่องดังกล่าวให้ดี เพิ่มมากขึ้นมากกว่าเดิม สำหรับสามปีในอนาคตกลยุทธ์ของทางเราจะเน้นในการดำเนินการเชื่อมต่อกับระบบอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้นและเราจะเพิ่มประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้มีความสุขสามารถเชื่อมต่อได้แอปพลิเคชันหลากหลายที่สำคัญความต้องการในการใช้อินเตอร์เน็ตที่เร็วขึ้นดังนั้นกระบวนการก็จะเร็วขึ้นเช่นเดียวกันโดยเฉพาะการเชื่อมต่อ 5G wifi 6 เชื่อมต่อการทำงานเพิ่มมากขึ้นและสามารถทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา
ในปีที่ผ่านมามีหลายข่าวมีผู้ถือหุ้นร่วมกันค่อนข้างสูงขึ้นจะเห็นได้ว่ามีซอฟแวร์มากกว่าถึง 30% ของซอฟต์แวร์ทั้งหมดและค่อนข้างสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจะเห็นได้ว่านี่คือเป็นเทรนของการทำธุรกิจของซิสโก้เช่นเดียวกัน ดังนั้นโซลูชันที่เข้ามาใหม่ เราจะต้องค่อยๆ กระจายออกไปให้พาร์ทเนอร์ของเราเรียนรู้และทำการตลาดให้ทั่วโลกสามารถใช้งานได้
อย่างปีที่แล้ว บริษัท thousand eyes เรามีสาขาธนาคารมากกว่า 500 แห่งทั่วประเทศเราก็ต้องเช่าโครงข่ายเช่นบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติจำกัดมหาชนหรือบริษัทอื่น ๆเพื่อให้เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตหรือให้เชื่อมต่อไปยังสำนักงานใหญ่อย่างมีประสิทธิภาพหรือการทำงานจากที่บ้าน ดังนั้น การแชร์อินเทอร์เน็ตลิ้งค์เข้ามาที่ออฟฟิศหรือเข้ามาที่ทำงาน ดังนั้น จำนวนของที่เข้ามาที่ทำงานที่วิ่งอยู่ในระดับเอ็นเตอร์ไพรส์ส่วนใหญ่จะย้ายไปสู่อินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้นจะช่วยทำให้เราทราบมากขึ้นคือ เราไม่รู้ว่าข้อมูลดังกล่าวจะหายหรือเปล่า หากเราไม่ต้องการที่จะแชร์เน็ตเวิร์คกับใครเพราะกังวลว่ามันเกิดเป็นปัญหา ไม่ว่าจะเกิดที่บ้านหรือที่ทำงานหรือมีปัญหาจากที่ cloud เราจะไม่ทราบเลยว่าเราเกิดปัญหาจากจุดใดบ้าง เพราะเขามีโหนดที่เชื่อมต่อกับ Google อาลีบาบาและที่เหลืออื่นๆ ทั่วโลกทำให้เราทราบว่าปัญหามันเกิดขึ้นจากที่ไหน
ที่สำคัญสามารถเช็คได้ว่ามันเกิดปัญหาจากการเขียนโค้ดหรือไม่ ซึ่งบริษัท appdynamics จะเข้ามาเชื่อมต่อระหว่างการทำงานทำให้เราทราบทั้งกระบวนการระหว่างผู้ใช้งานแอปพลิเคชั่นทั้งหมด
ในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทย เริ่มเข้าสู่ตลาดแล้ว โดยได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการที่มีสเปกตรัมหรือมีคลื่น 5G เป็นของตนเองในการเช็คระบบซึ่งความแตกต่างของเรานั้นคือ เรามีความสามารถในการเชื่อมต่อกับการเชื่อมต่อเน็ตเวิร์คของทางซิสโก้อยู่แล้ว ซึ่งมีดีไวซ์ต่างๆ ผ่าน LAD บ้าง ผ่าน Wi-Fi บ้าง ซึ่งเราสามารถจะทำให้โครงข่าย 5G ที่เราใช้งานอยู่ในโครงข่ายของเราได้เช่นเดียวกัน ซึ่งการเชื่อมต่อระหว่างเน็ตเวิร์คทั้ง Cisco iSE เป็นต้น
โดยเทร็นดังกล่าว เช่น involvo มีจำนวนนักศึกษาที่ลดลง ซึ่งมีระบบ AI กระตุ้นทำให้สถาบันทางการศึกษาและคุณครูนักเรียนเข้าร่วม เพื่อให้ทราบว่าในมหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาควรทำอย่างไร ที่จะทำให้นักศึกษามีเอ็นเกจเมนท์ที่ดีเพิ่มมากขึ้นทำให้นักศึกษาจบออกไปได้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น นี่คือการต่อยอดจากเจ้าตัวของ cisco webex

Socio มีการจัดออนไลน์ อีเวนท์เพิ่มมากขึ้นเปรียบเสมือนกับการจอยอีเวนท์แบบจริงๆได้ นี่คือตัวออนไลน์อีเวนท์ตั้งแต่ต้นจนจบในการทำอีเวนท์ต่างๆ ทั้งก่อนเรื่องอีเวนท์และการทำในเน็ตเวิร์คภายในอีเวนท์ ต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้ หากเราจะออนไลน์อีเวนท์เราก็จากเริ่มจัดการอีเวนท์ตัวนี้เพิ่มมากขึ้น

ทั้งหมดนี้ ถือเป็นซอฟต์แวร์ทั้งหมด ต่อให้เรามีความสามารถในการทำอุปกรณ์เน็ตเวิร์คที่ดี แต่เราก็ต้องมีแอปพลิเคชันที่ดีเช่นเดียวกันเพื่อให้เราเป็นซอฟต์แวร์คอมมูนิเคชันที่ดียิ่งขึ้นมากกว่าเดิม
สำหรับในประเทศไทยเองเราเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายน เราเริ่มที่จะจบในไตรมาสหนึ่งมันค่อนข้างสอดคล้องสามอย่างที่เรากำลังโฟกัสในการทำตลาดในประเทศไทยเช่นเดียวกัน

1. การทำงานในอนาคตของประเทศไทยอย่างการทำงานผ่านระบบไฮบริด ก็จะมีคนกลับมาทำงานในออฟฟิศเพิ่มมากขึ้น จะทำอย่างไรให้แต่ละองค์กรสามารถจัดออฟฟิศให้เหมาะสมเพื่อต้อนรับการกลับมาของพนักงานออฟฟิศให้ปลอดภัยและสามารถดำเนินการ ทำงานร่วมกันได้เพิ่มมากขึ้นทั้งจากการทำงานที่บ้านหรือการทำงานจากที่ทำงานหรือการประชุมร่วมกันเราจะเห็นได้ว่า 91% ต้องการทำงานที่ไหนก็ได้ที่รู้สึกสะดวก สามารถทำงานจากที่บ้านก็ได้หรือจากที่ไหนก็ได้หรือจากร้านกาแฟก็ได้เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่าง

เราต้องทำให้ทุกคนสามารถที่จะประชุมกันได้เหมือนอยู่ในที่เดียวกัน ซึ่งแต่คนพูดเยอะบางคนพูดน้อยก็สามารถที่จะดำเนินการได้
2 เรื่องของระบบความปลอดภัยเป็นสิ่งที่เราต้องนำสิ่งนี้มาอยู่ในตลาดของประเทศไทยโดยอุปสรรคที่มากที่สุดก็คือเรื่องของเศรษฐกิจ แต่ทุกอย่างและทุกคนยังคงเชื่อมต่อด้วยอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งภายนอกและภายในเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นจึงมีความแตกต่างกันมากกว่าเดิม เราจะต้องทำให้ความปลอดภัยทั้งภายในและภายนอกสามารถที่จะปกป้องได้ดีและมีความปลอดภัยสูงทุกระบบได้ดียิ่งขึ้นมากกว่าเดิม

3 การจัดการการมองเห็นแอปพลิเคชันนั้น มีความสำคัญต่อธุรกิจในปัจจุบันเป็นอย่างมาก ดังนั้น คนที่ใช้แอปพลิเคชันเมื่อเรามองเข้าไปในตัวของแอปพลิเคชันมีเสียงที่มาสนับสนุนเพิ่มมากขึ้นหลายระบบ เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นบริการเบื้องหลังของการชำระเงิน บริการทางด้านความปลอดภัย บริการการเก็บข้อมูล จึงมีการใช้งานหลายอย่างพร้อมพร้อมกัน หากการเชื่อมต่อของระบบอินเตอร์เน็ตลดลง การเข้ามาแก้ไขปัญหาจึงมีความสำคัญเพราะแอปพลิเคชันหนึ่ง เชื่อมต่อหลายระบบหลาย แอปพลิเคชัน และเราต้องเข้าไปแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วนี่คือสิ่งที่เรากำลังจะก้าวเข้าไปสู่ตลาดของประเทศไทยและเติบโตได้อย่างแน่นอน
สำหรับปัจจุบัน Cisco เริ่มเอาตัวกลางมาเชื่อมระหว่างการขายของ ร่วมกับพาร์ทเนอร์รายใหม่เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการจัดการดีลต่างๆ และจัดการได้อย่างดีมีประสิทธิภาพและให้สามารถเชื่อมต่อกับลูกค้าเราได้อย่างใกล้ชิดและเกิดความมั่นใจในการดำเนินการ เพื่อได้รับบริการได้ดียิ่งขึ้นมากกว่าเดิม