3 ต.ค. 2563 912 0

วีเอ็มแวร์เร่งเครื่องนวัตกรรมและดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

วีเอ็มแวร์เร่งเครื่องนวัตกรรมและดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ที่งาน VMworld 2020 บริษัท วีเอ็มแวร์ได้นำเสนอโซลูชันและยกระดับบริการที่หลากหลายขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าฝ่าวิกฤติและเร่งการเติบโตในตลาดที่มีความผันผวนรุนแรง ด้วยโซลูชันต่าง ๆ ของวีเอ็มแวร์ ทั้ง คลาวด์ โมเดิร์นแอปพลิเคชัน เน็ตเวิร์กกิ้ง ซีเคียวริตี้ และแพลตฟอร์มดิจิทัลเวิร์คสเปซซึ่งถือเป็นดิจิทัลฟาวเดชั่น (Digital Foundation) ที่ทำงานอย่างยืดหยุ่นและสอดคล้องกัน ช่วยให้ สร้าง รัน บริหารจัดการ เชื่อมต่อ และปกป้องแอปพลิเคชันได้จากทุกที่ แอปพลิเคชันถือเป็นหัวใจสำคัญของดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน ทำให้ธุรกิจสามารถส่งมอบประสบการณ์ดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพและเป็นส่วนตัวให้กับลูกค้าและพนักงานได้ ความต้องการใช้งานแอปพลิเคชันที่ซับซ้อนและหลากหลาย ผลักดันให้เกิดการวางกลยุทธ์ด้านมัลติคลาวด์ ซึ่งวีเอ็มแวร์สามารถช่วยตอบโจทย์ในทุก ๆ จุดบนเส้นทางมัลติคลาวด์ ให้กับองค์กรได้เป็นอย่างดี


ความเป็นมาของวีเอ็มแวร์

ดิจิทัลฟาวเดชั่นที่วีเอ็มแวร์สร้างขึ้นช่วยใช้องค์กรสามารถเข้าถึงโอกาสและจัดการภัยคุกคามใหม่  ๆ ที่เกิดขึ้น ในขณะที่สามารถส่งมอบประสบการณ์ใช้งานแอปบนดีไวซ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะใช้คลาวด์ประเภทใดก็ตาม ช่วยให้ลูกค้าทดลองใช้แอปใหม่ ประสบการณ์ใหม่ และสร้างรูปแบบธุรกิจใหม่เพื่อสร้างมูลค่าได้ ลูกค้าของ วีเอ็มแวร์ใช้ประโยชน์จากโซลูชันแบบองค์รวมซึ่งเป็นโซลูชันแบบ end-to-end ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการที่ซับซ้อนของธุรกิจดิจิทัล - พร้อมกันนี้ยังช่วยให้ฝ่ายไอทีสามารถบริหารจัดการบุคลากรในองค์กร กระบวนการทำงาน บริหารจัดการแอป และข้อมูลที่ขับเคลื่อนธุรกิจได้

ที่วีเอ็มแวร์ เราช่วยลูกค้าสร้างรากฐานดิจิทัล เพื่อเตรียมพวกเขาให้พร้อมเผชิญกับโลกที่คาดเดาไม่ได้ ที่ VMworld เราจะนำเสนอโซลูชันที่หลากหลาย เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถเอาชนะความท้าทายที่เกิดขึ้นไปพร้อม ๆ กับสร้างการเติบโตในตลาดที่มีความผันผวนรุนแรง กลยุทธ์เทคโนโลยีของวีเอ็มแวร์จึงเข้ามามีบทบาทมากขึ้นกว่าเดิมเพราะเราสามารถจัดหาซอฟต์แวร์เพื่อ สร้าง รัน บริหารจัดการ เชื่อมต่อ และปกป้องแอปพลิเคชันที่อยู่บนดีไวซ์ต่าง ๆ ได้ และยังครอบคลุมคลาวด์ทุกประเภทอีกด้วย

กว่าสองทศวรรษแล้วที่วีเอ็มแวร์ทำหน้าที่ส่งมอบโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้กับลูกค้าของเรา ปัจจุบันนี้วีเอ็มแวร์เป็นมากกว่าโครงสร้างพื้นฐาน เพราะภารกิจหลักที่วีเอ็มแวร์ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกคือ การกำหนดอนาคตของดิจิทัล (shaping the future of digital) ในปี 2562 วีเอ็มแวร์ได้ขยายขีดความสามารถในการพัฒนาแอปพลิเคชันไปพร้อม ๆ กับการปรับปรุงแอปพลิเคชันให้ทันสมัยขึ้นด้วยการเข้าซื้อ Pivotal และขยายพอร์ตโฟลิโอระบบรักษาความปลอดภัยของเราด้วยการเข้าซื้อ Carbon Black และในปี 2563 เรามุ่งเน้นที่การสร้างสรรค์นวัตกรรมและดำเนินการในทุกเลเยอร์ของแพลตฟอร์มเครือข่ายหลัก ( franchise platforms) ทั้ง 5 แพลตฟอร์ม และมีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของลูกค้า


VMworld Theme

โดยที่งาน VMworld ปีนี้ เป็นปีแรกที่จัดงานในรูปแบบออนไลน์ภายใต้ธีม “Possible Together” ในขณะที่ทั่วโลกอยู่ระหว่างการจัดการกับการแพร่ระบาดของ COVID-19 และเราต่างได้เรียนรู้ว่า ความสามารถในการปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนและทุกองค์กรต้องคำนึงถึง การแพร่ระบาดดังกล่าวยังเป็นตัวขับเคลื่อนชั้นดีที่ทำให้องค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกติดเครื่องสู่ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน อย่างไรก็ดี มีหลายบริษัทเผชิญความเสี่ยงต่อการปรับตัวให้เข้ากับข้อกำหนดใหม่ ๆ และพลาดโอกาสที่สำคัญ ๆทางการตลาดใหม่ ๆ เพราะพวกเขายังมีเวิร์คโหลดอีกมากที่จะทำให้ธุรกิจของตนมีเสถียรภาพก้าวไปสู่ความพร้อมในอนาคตและตอบโจทย์การทำงานในรูปแบบใหม่ ๆ ของพนักงานอีกด้วย


สาระสำคัญที่ประกาศ

Intrinsic Security

 

 

วีเอ็มแวร์ นำเสนอ Intrinsic Security สำหรับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล

 

นวัตกรรมล่าสุด ระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสำหรับ พับลิคและไพรเวท คลาวด์  ซีเคียวริตี้ โอเปอร์เรชั่น และ ดิสทริบิวเต็ด เวิร์คฟอร์ซ

 

วีเอ็มแวร์เปิดตัวนวัตกรรม Intrinsic Security ครอบคลุมโครงสร้างพื้นฐานดิจิทั  โซลูชั่นเหล่านี้จะเสริมระบบความปลอดภัยขั้นสูงทั้งพับลิคและไพรเวท คลาวด์, ระบบปฏิบัติการด้านความปลอดภัย และ การกระจายเวิร์คฟอร์ซ ในขณะที่องค์กรปรับเปลี่ยนสู่คลาวด์อย่างรวดเร็วเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ยืดหยุ่นและพร้อมในอนาคต  โดยเฉพาะ VMware Carbon Black Cloud Workload ที่มอบการป้องกันขั้นสูงที่สร้างขึ้นเพื่อเป้าประสงค์ในการรักษาความปลอดภัยเวิร์กโหลดที่ทันสมัย เพื่อลดพื้นที่การโจมตีและเสริมความปลอดภัย โซลูชันที่เป็นนวัตกรรมนี้รวมการรายงานช่องโหว่ที่จัดลำดับความสำคัญและการทำให้เวิร์กโหลดพื้นฐานเข้ากับความสามารถในการป้องกันการตรวจจับและการตอบสนองระดับชั้นนำของอุตสาหกรรมเพื่อปกป้องปริมาณงานที่ทำงานในสภาพแวดล้อมระบบคลาวด์เสมือนส่วนตัวและแบบไฮบริด

 

Future Ready Workforce Solutions

วีเอ็มแวร์ เปิดตัว Future Ready Workforce Solutions เพื่อสนองความต้องการทำงานจากทุกที่

 

VMware Secure Access Service Edge Platform เพิ่มความสามารถใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้องค์กรสามารถจัดการได้อย่างชาญฉลาดและปลอดภัยยิ่งขึ้นในการเข้าถึงแอปพลิเคชันและข้อมูล

 

วีเอ็มแวร์เปิดตัวโซลูชัน VMware Future Ready Workforce เพื่อมอบประสบการณ์การทำงานที่ยอดเยี่ยม การควบคุมความปลอดภัย Zero Trust แบบ end-to-end และการจัดการที่ง่ายขึ้น โซลูชัน Future Ready Workforce ผสานความสามารถของ VMware Secure Access Service Edge (SASE), Digital Workspace และ Endpoint Security เข้าด้วยกันเพื่อช่วยให้ฝ่ายไอทีจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงแอปใด  ๆ บนคลาวด์ใด  ๆ จากอุปกรณ์ใด  ๆ ได้อย่างปลอดภัยยิ่งขึ้นในขณะที่มอบความเรียบง่ายประสิทธิภาพสูงและประสบการณ์การใช้งานที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับพนักงานที่ทำงานจากทุกที่

 

Multi-Cloud

วีเอ็มแวร์ ช่วยให้ลูกค้าสามารถสร้าง Multi-Cloud สำหรับโลกอนาคตได้

 

วีเอ็มแวร์ประกาศเจตจำนงในการเข้าซื้อ SaltStack เพื่อสนับสนุนกลุ่มผลิตภัณฑ์ Cloud Automation

 

วีเอ็มแวร์ ประกาศนวัตกรรมเพื่อช่วยลูกค้า สร้างรันจัดการเชื่อมต่อและปกป้องแอปใด ๆ บนคลาวด์ใด ๆ ด้วยนวัตกรรมและการอัปเดตใหม่ ๆ เหล่านี้  ลูกค้าและพาร์ทเนอร์สามารถใช้ศักยภาพของมัลติคลาวด์ได้เต็มรูปแบบโดยให้อิสระแก่นักพัฒนามากขึ้น ในขณะเดียวกันก็มอบความปลอดภัยและการดำเนินงานที่สม่ำเสมอและมีประสิทธิภาพ

 

นอกจากนี้ บริษัท ยังประกาศความตั้งใจที่จะซื้อ SaltStack ผู้บุกเบิกในการสร้างซอฟต์แวร์ระบบอัตโนมัติอัจฉริยะในการประมวลผล  หากการซื้อขายเสร็จสิ้น SaltStack จะช่วยให้ วีเอ็มแวร์ สามารถขยายการจัดการการกำหนดค่าซอฟต์แวร์และโครงสร้างพื้นฐานและความสามารถในการทำงานอัตโนมัติของเครือข่ายได้อย่างมาก

 

Modern Apps

วีเอ็มแวร์ขยายพอร์ตโฟลิโอและความร่วมมือ Tanzu ให้สามารถขับเคลื่อนศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานของลูกค้าและความพยายามในการพัฒนาแอปพลิเคชันให้ทันสมัย

 

VMware Tanzu ฉลองหนึ่งปีแห่งความสำเร็จด้วยการอัปเดต Tanzu ขยายการรองรับ VMware Cloud บน AWS, Azure VMware Solution และ Oracle Cloud VMware Solution และความร่วมมือกับ GitLab

 

วีเอ็มแวร์ ประกาศการอัปเดต Tanzu ขยายการรองรับทั้งบน VMware Cloud บน AWS, Azure VMware Solution และ Oracle Cloud VMware Solution และร่วมเป็นพันธมิตรกับ GitLab VMware Tanzu เปิดตัวในงาน VMworld 2019 สหรัฐอเมริกาเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับการปรับปรุงแอปพลิเคชันและโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย โดยมีเป้าหมายร่วมกันคือส่งมอบซอฟต์แวร์ที่ดีกว่าสู่การผลิตอย่างต่อเนื่อง ในช่วงปีที่ผ่านมา วีเอ็มแวร์ได้เพิ่มกลุ่มผลิตภัณฑ์ Tanzu ขยายระบบนิเวศของพันธมิตรและเพิ่มลูกค้าใหม่อย่างรวดเร็ว

 

Project Monterey

วีเอ็มแวร์ เปิดตัวโครงการ Monterey: สถาปัตยกรรมระบบคลาวด์แบบไฮบริดเพื่อรองรับแอปพลิเคชันยุคหน้า

 

แนวคิดใหม่ในการขยาย VMware Cloud Foundation เพื่อรองรับเทคโนโลยี SmartNIC เพิ่มประสิทธิภาพความปลอดภัยครอบคลุมทุกที่และการทำงานที่สอดคล้องกันสำหรับแอปพลิเคชันทั้งหมด

 

Dell Technologies, Hewlett Packard Enterprise, และ Lenovo นำเสนอโซลูชันบน Project Monterey ด้วยเทคโนโลยี SmartNICs จาก Intel, NVIDIA, และ Pensando Systems

 

วีเอ็มแวร์เปิดตัว Project Monterey ซึ่งเป็นตัวอย่างเทคโนโลยีที่เน้นการพัฒนาสถาปัตยกรรมสำหรับศูนย์ข้อมูลคลาวด์และเอดจ์ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของแอปพลิเคชันยุคหน้ารวมถึง AI, การเรียนรู้ของเครื่องและแอปพลิเคชัน 5G  นอกจากนี้ วีเอ็มแวร์ยังประกาศว่ากำลังร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อส่งมอบโซลูชั่น Project Monterey ซึ่งรวมถึง Intel, NVIDIA และ Pensando Systems, Dell Technologies, Hewlett Packard Enterprise (HPE) และ Lenovo

 

Networking

วีเอ็มแวร์นำเสนอนวัตกรรมเครือข่ายคลาวด์เสมือนล่าสุด เพื่อเชื่อมต่อและปกป้ององค์กรแบบ Distributed, Multi-Cloud ในปัจจุบัน

 

วีเอ็มแวร์เปิดตัวนวัตกรรม Virtual Cloud Network ใหม่ที่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถสร้างเครือข่ายสมัยใหม่ที่รองรับรูปแบบธุรกิจในปัจจุบันและอนาคตได้ดียิ่งขึ้น  ด้วยความก้าวหน้าด้านนวัตกรรมที่ครอบคลุมเครือข่ายวีเอ็มแวร์ และพอร์ตโฟลิโอระบบรักษาความปลอดภัย ลูกค้าจะสามารถจัดการการเปลี่ยนแปลงการทำงานระยะไกลได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้  สามารถถ่ายโอนแอปพลิเคชันแบบดั้งเดิมและทันสมัยได้เร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้น ลดต้นทุนและความซับซ้อนในการเชื่อมต่อและปกป้ององค์กรแบบกระจาย  วีเอ็มแวร์ นำเสนอนวัตกรรมเครือข่ายคลาวด์เสมือนใหม่ครอบคลุมสามด้าน - ระบบอัตโนมัติที่ช่วยให้ประสบการณ์พับลิค คลาวด์  การเชื่อมต่อแอพพลิเคชั่นที่ทันสมัยและบริการรักษาความปลอดภัย และโซลูชันที่ตอบโจทย์การรักษาความปลอดภัยเครือข่ายที่คาดว่าน่าจะเป็น

 

NVIDIA

วีเอ็มแวร์และ NVIDIA ร่วมกันสร้าง Next-Gen Hybrid Cloud Architecture และนำ AI ไปสุ่ทุกองค์กร

 

ลูกค้า VMware กว่า 300,000 รายจะได้รับประโยชน์จากการจัดการแบบครบวงจรของซอฟต์แวร์ NVIDIA AI ด้วยแอปทั้งหมด สู่ความปลอดภัย และความสามารถในการเร่งความเร็วของ NVIDIA BlueField-DPU

 

ลูกค้า VMware กว่า 300,000 รายจะได้รับประโยชน์จากการที่องค์กรมีความคล่องตัวมากขึ้น และการจัดการแบบรวมสำหรับแอปทั้งหมดพร้อมกับซอพต์แวร์ AI ที่ปรับให้เหมาะสมกับ NVIDIA และใช้ประโยชน์จากซีเคียวริตี้และความสามารถในการเร่งความเร็วของ NVIDIA BlueField-DPU

 

วีเอ็มแวร์และ NVIDIA ประกาศความร่วมมือเพื่อส่งมอบทั้งแพลตฟอร์มระดับองค์กรแบบ end-to-end สำหรับ AI และสถาปัตยกรรมใหม่สำหรับคลาวด์ดาต้าเซ็นเตอร์และ Edge ที่ใช้  NVIDIA® DPUs (หน่วยประมวลผลข้อมูล) เพื่อรองรับแอปพลิเคชันที่มีอยู่และรุ่นต่อไป ด้วยการทำงานร่วมกันนี้ชุดซอฟต์แวร์ AI ที่มีอยู่ในฮับ NVIDIA NGCTM จะถูกรวมเข้ากับ VMware vSphere, VMware Cloud Foundation และ VMware Tanzu สิ่งนี้จะช่วยเร่งการนำ AI มาใช้ทำให้องค์กรต่าง ๆ สามรถขยายโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่สำหรับ AI การจัดการแอปพลิเคชันทั้งหมดด้วยชุดการดำเนินการเดียวและปรับใช้โครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมใช้งาน AI ในที่ที่ข้อมูลอยู่ ทั้งในส่วนดาต้าเซ็นเตอร์ คลาวด์ และ Edge

Lumen

ทีม Lumen ร่วมกับวีเอ็มแวร์ขยายขีดความสามารถในการประมวลผล Edge สำหรับการปฏิวัติอุตสาหกกรมครั้งที่ 4

 

Lumen Technologies และ VMware ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญซึ่งครอบคลุมการประมวลผล Edge เน็ตเวิร์คกิ้ง และซีเคียวริตี้ การทำงานร่วมกันนี้จะช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถขยายได้ทั่วทั้งดาต้าเซ็นเตอร์ คลาวด์ และ Edge การย้ายแอปพลิเคชันทางธุรกิจที่ต้องการ latency ต่ำ และการประมวลที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงการโต้ตอบแบบดิจิทัลมากขึ้น


COMMENTS