20 พ.ย. 2567 139 0

เสียวหมี่ประกาศรายรับไตรมาส 3 ของปี 2567 แตะ 92.5 พันล้านหยวน สูงกว่าที่คาดไว้

เสียวหมี่ประกาศรายรับไตรมาส 3 ของปี 2567 แตะ 92.5 พันล้านหยวน สูงกว่าที่คาดไว้

สร้างสถิติใหม่ให้กับกลยุทธ์สินค้าและบริการในกลุ่มพรีเมียม

เสียวหมี่ คอร์เปอเรชัน ("เสียวหมี่" หรือ "กลุ่มธุรกิจ"; Stock Code:1810) บริษัทด้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภคและอุตสาหกรรมการผลิตอัจฉริยะด้วยการเป็นผู้นำด้านสมาร์ทโฟนและสมาร์ทฮาร์ดแวร์ที่เชื่อมต่อบนแพลตฟอร์ม Internet of Things (IoT) ประกาศผลการดำเนินงานไม่สอบทานสำหรับสามเดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 (“ไตรมาส 3 ปี 2567” หรือ “ช่วงเวลาดังกล่าว”) รายได้ในช่วงเวลาดังกล่าวสร้างสถิติใหม่ ถือเป็นการเติบโตที่แข็งแกร่งเป็นไตรมาสที่สามติดต่อกัน โดยในไตรมาส 3 ปี 2567 รายรับอยู่ที่ 92.5 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 30.5% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า กำไรสุทธิที่ปรับแล้วอยู่ที่ 6.3 พันล้านหยวน โดยยังคงครองตัวเลขสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไว้ได้ กลยุทธ์สินค้าและบริการในกลุ่มพรีเมียม (premiumization) ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยอัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมยังคงสูงขึ้นอยู่ที่ 20.4% ธุรกิจหลักทั้งสามของเสียวหมี่ ได้แก่ สมาร์ทโฟน ผลิตภัณฑ์ IoT และไลฟ์สไตล์ และบริการอินเทอร์เน็ต มีรายรับ 47.5 พันล้านหยวน 26.1 พันล้านหยวน และ 8.5 พันล้านหยวน ตามลำดับ รายรับจากธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ (“EV”) และโครงการใหม่ๆ อื่นๆ นั้นสูงถึง 9.7 พันล้านหยวน ซึ่งเข้าใกล้เป้าหมาย 1 หมื่นล้านหยวนที่ตั้งไว้ โดยที่ประสิทธิภาพโดยรวมนั้นเกินความคาดหมาย การเติบโตดังกล่าวตอกย้ำระบบนิเวศอัจฉริยะ “Human x Car x Home” ของเสียวหมี่ที่เป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตที่ผลักดันให้กลุ่มบริษัทบรรลุผลลัพธ์ที่สำคัญมากมาย

ในไตรมาส 3 เงินสดของเสียวหมี่ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยแตะระดับใหม่สูงสุดอยู่ที่ 151.6 พันล้านหยวน ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 โดยในช่วงเทศกาลช้อปปิ้ง 11.11 ของปีนี้ มูลค่าสินค้ารวมสะสม (“GMV”) บนช่องทาง Omnichannel ของเสียวหมี่นั้นเกิน 31.9 พันล้านหยวน ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่กลุ่มธุรกิจต่างๆ ของเสียวหมี่นั้นก็เติบโตขึ้นไปอีกระดับเช่นกัน โดยเสียวหมี่เสริมได้ความแข็งแกร่งให้กับความสามารถในการแข่งขันของตนเอง และก้าวขึ้นไปอีกขั้นเพื่อการพัฒนาใหม่ๆ

เสียวหมี่ มีส่วนแบ่งการตลาดสมาร์ทโฟนในจีนแผ่นดินใหญ่เพิ่มขึ้นเป็นไตรมาสที่สามติดต่อกัน ในขณะที่ยอดขายของ Xiaomi 15 Series ทำยอดทะลุ 1 ล้านเครื่อง

ในไตรมาส 3 ยอดการจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลกของเสียวหมี่ อยู่ที่ 43.1 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 3.1% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า จากข้อมูลของ Canalys ยอดการจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลกของเสียวหมี่นั้นติดอันดับหนึ่งในสามแบรนด์สมาร์ทโฟนชั้นนำทั่วโลกได้ติดต่อกัน 17 ไตรมาส โดยมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 13.8% โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อันดับในการจัดส่งสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ในจีนแผ่นดินใหญ่ที่ไต่ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 4 โดยมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น 1.2 จุดเปอร์เซ็นต์จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็น 14.7% ซึ่งถือเป็นการเติบโตของส่วนแบ่งการตลาดติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สาม

ในไตรมาส 3 รายรับจากธุรกิจสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่อยู่ที่ 47.5 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 13.9% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเสียวหมี่ยังคงพัฒนากลยุทธ์สินค้าและบริการในกลุ่มพรีเมียม (premiumization) อย่างต่อเนื่อง ตามข้อมูลของบุคคลที่สาม (third-party data) สมาร์ทโฟนพรีเมียมของเสียวหมี่รุ่นที่มีราคาตั้งแต่ 3,000 หยวนขึ้นไปมีสัดส่วนคิดเป็น 20.1% ของยอดจัดส่งสมาร์ทโฟนทั้งหมดในจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งเพิ่มขึ้น 7.9 จุดเปอร์เซ็นต์จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า เมื่อจำแนกตามกลุ่มราคา เสียวหมี่นั้นประสบความสำเร็จในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าในสมาร์ทโฟนสามกลุ่มราคาในจีนแผ่นดินใหญ่ในไตรมาส 3 ปี 2567 โดยสมาร์ทโฟนในกลุ่มราคา 3,000 ถึง 4,000 หยวน เสียวหมี่มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 18.1% เพิ่มขึ้น 9.3 จุดเปอร์เซ็นต์จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า สมาร์ทโฟนในกลุ่มราคา 4,000 ถึง 5,000 หยวน เสียวหมี่มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 22.6% เพิ่มขึ้น 9.7 จุดเปอร์เซ็นต์จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า และ สมาร์ทโฟนในกลุ่มราคา 5,000 ถึง 6,000 หยวน เสียวหมี่มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 6.9% เพิ่มขึ้น 2.4 จุดเปอร์เซ็นต์จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า

กลุ่มผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมของเสียวหมี่ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดย Xiaomi 15 Series นั้นมียอดขายกว่า 1 ล้านเครื่องซึ่งเร็วกว่ารุ่นก่อนหน้า และตั้งแต่ Xiaomi 15 Series เปิดตัวมาก็เป็นสินค้าขายดีมาอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถสร้างสถิติใหม่สำหรับยอดขายสมาร์ทโฟนเรือธงในช่วงแรก ในขณะเดียวกันในช่วงเทศกาลช้อปปิ้ง 11.11 ที่ผ่านมา เสียวหมี่ก็สามารถทำยอดขายและรายรับบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในช่องทางหลักในกลุ่มราคา 4,000 ถึง 5,999 หยวนได้อีกด้วย

อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจ IoT พุ่งแตะระดับสูงสุด โดยมียอดการจัดส่งเครื่องปรับอากาศและเครื่องซักผ้าที่เติบโตขึ้นกว่า 50%

ธุรกิจผลิตภัณฑ์ IoT และไลฟ์สไตล์ของเสียวหมี่ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 3 โดยมีรายรับอยู่ที่ 26.1 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 26.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า และมีอัตรากำไรขั้นต้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 20.8% เพิ่มขึ้น 2.9 จุดเปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า

ด้วยการใช้เทคโนโลยีเฉพาะเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมจึงทำให้ระบบนิเวศอัจฉริยะของกลุ่มผลิตภัณฑ์ IoT ของ เสียวหมี่นั้นเติบโตทั้งในด้านปริมาณและมูลค่า ทั้งนี้ยอดการจัดส่งตู้เย็นและเครื่องซักผ้านั้นทำสถิติสูงสุด โดยที่มีการจัดส่งเครื่องปรับอากาศมากกว่า 1.7 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นกว่า 55% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า และการจัดส่งตู้เย็นมากกว่า 810,000 เครื่อง เพิ่มขึ้นกว่า 20% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า และการจัดส่งเครื่องซักผ้าเกิน 480,000 เครื่อง ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 50% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า

ตามรายงานของ Canalys พบว่ายอดจัดส่งแท็บเล็ตทั่วโลกของเสียวหมี่ยังคงเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเสียวหมี่ยังคงสามารถครองอันดับที่ 5 ของโลกและอันดับที่ 3 ในจีนแผ่นดินใหญ่ โดยยอดจัดส่งอุปกรณ์สวมใส่ทั่วโลกของเสียวหมี่นั้นเพิ่มขึ้นสูงกว่า 50% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า รวมไปถึงยอดจัดส่งนาฬิกาอัจฉริยะและหูฟัง TWS ก็ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน

รายรับจากธุรกิจบริการอินเทอร์เน็ตแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นก็ยังคงอยู่ในระดับสูงเช่นกัน

ในช่วงเวลาดังกล่าว บริการอินเทอร์เน็ตยังคงเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีรายรับเพิ่มขึ้น 9.1% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าเป็น 8.5 พันล้านหยวน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นของบริการอินเทอร์เน็ตอยู่ที่ 77.5% เพิ่มขึ้น 3.1 จุดเปอร์เซ็นต์จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า

ฐานผู้ใช้อินเทอร์เน็ตของเสียวหมี่ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยจำนวนผู้ใช้งานต่อเดือน (“MAU”) ทั่วโลกและในจีนแผ่นดินใหญ่ต่างก็ทำสถิติสูงสุด ในเดือนกันยายน 2567 จำนวนผู้ใช้งานต่อเดือนทั่วโลกแตะระดับ 685.8 ล้านราย เพิ่มขึ้น 10.1% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะที่จำนวนผู้ใช้งานต่อเดือนในจีนแผ่นดินใหญ่แตะระดับ 167.9 ล้านราย เพิ่มขึ้น 10.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า

Xiaomi SU7 บรรลุเป้าหมายการส่งมอบรถยนต์ 100,000 คัน โดยมีรายรับจากรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะที่ใกล้แตะ 1 หมื่นล้านหยวน

รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะของเสียวหมี่นั้นเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดเหนือความคาดหมายอีกครั้ง ในไตรมาส 3 ปี 2567 รายรับจากธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะและโครงการใหม่ๆ อื่นๆ สูงถึง 9.7 พันล้านหยวน ซึ่งใกล้จะแตะเป้าหมาย 1 หมื่นล้านหยวนแล้ว โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจเพิ่มขึ้น 17.1% ทั้งนี้เสียวหมี่ยังคงเร่งการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยมีการส่งมอบรถยนต์ Xiaomi SU7 Series ในไตรมาสนี้สูงถึง 39,790 คัน และ ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 เสียวหมี่ได้ทำการส่งมอบรถยนต์ Xiaomi SU7 Series ไปแล้วกว่า 67,157 คัน

ในเดือนตุลาคม 2567 เสียวหมี่ได้ทำการการส่งมอบรถยนต์ Xiaomi SU7 Series ภายในเดือนนั้นไปแล้วเกิน 20,000 คัน นอกจากนี้เสียวหมี่ยังบรรลุเป้าหมายการผลิตรถยนต์สะสมกว่า 100,000 คันในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 และบรรลุเป้าหมายการส่งมอบรถยนต์ 100,000 คัน ณ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 ทั้งนี้เสียวหมี่มุ่งมั่นที่จะส่งมอบรถยนต์ 130,000 คันภายในปี 2567 อีกด้วย นอกจากนี้เสียวหมี่ยังได้ทำการขยายเครือข่ายการขายและบริการอย่างรวดเร็ว โดยมีศูนย์ขายรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะถึง 127 แห่งใน 38 เมืองในจีนแผ่นดินใหญ่ ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 ซึ่งจะช่วยผลักดันให้กลุ่มบริษัทสามารถเร่งดำเนินการส่งมอบให้รวดเร็วยิ่งขึ้น

ในเดือนตุลาคม 2567 รถต้นแบบ Xiaomi SU7 Ultra สามารถทำสถิติเวลาต่อรอบได้สำเร็จที่สนาม Nürburgring Nordschleife โดยทำลายสถิติ "รถสี่ประตูที่เร็วที่สุดในโลกที่สนาม Nürburgring Nordschleife" ด้วยเวลา 6’46”874 ปัจจุบัน Xiaomi SU7 Ultra นั้นเปิดให้สามารถสั่งซื้อล่วงหน้าได้แล้ว โดยตัวรถจะขับเคลื่อนด้วยระบบมอเตอร์สามตัวที่ประกอบไปด้วยเครื่องยนต์ Xiaomi HyperEngine V8s แบบคู่และเครื่องยนต์ Xiaomi HyperEngine V6s โดย Xiaomi SU7 Ultra นั้นสามารถทำความเร็วสูงสุดที่ออกแบบไว้ได้ที่ 350 กม./ชม. และจะวางจำหน่ายอยู่ที่ราคา 814,900 หยวน ทั้งนี้มีผู้สั่งซื้อล่วงหน้าแล้วถึง 3,680 คันภายใน 10 นาทีแรก โดย Xiaomi SU7 Ultra มีกำหนดวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคม 2568

เสียวหมี่มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำระดับโลกในด้านเทคโนโลยีล้ำสมัยที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาด้วยการลงทุนด้าน การพัฒนาและวิจัยที่เพิ่มขึ้น

เสียวหมี่มุ่งมั่นที่จะลงทุนอย่างยั่งยืนในเทคโนโลยีหลักพื้นฐานและก้าวขึ้นเป็นผู้นำระดับโลกในด้านเทคโนโลยีล้ำสมัยที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ในไตรมาส 3 ปี 2567 ค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนา ("R&D") ของเสียวหมี่นั้นสูงถึง 6 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 19.9% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า และ ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 เสียวหมี่มีบุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนากว่า 20,436 คน นอกจากนี้เสียวหมี่ยังได้รับสิทธิบัตรมากกว่า 41,000 ฉบับทั่วโลก ในปี 2567 อันดับของกลุ่มในกลุ่มสิทธิบัตรทั่วโลกด้านสิทธิบัตรพื้นฐานที่จำเป็นต่อมาตรฐาน 5G ("SEPs") นั้นไต่ขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 8 ของโลก

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะของเสียวหมี่ได้เปิดตัวเทคโนโลยีแชสซีอัจฉริยะก่อนการวิจัย (chassis pre-research technology) ซึ่งนำเสนอเทคโนโลยีหลักสี่ประการ ได้แก่ Xiaomi Full Active Suspension, Xiaomi Quad-HyperEngine, Xiaomi 48V Electric Mechanical Brake และ Xiaomi 48V SbW System นอกจากนี้ ระบบขับขี่อัจฉริยะของเสียวหมี่ยังรองรับโมเดลขนาดใหญ่แบบครบวงจรและเปลี่ยนชื่อเป็น HAD โดยผลิตภัณฑ์รุ่นแรกจะมีกำหนดเปิดตัวในช่วงปลายเดือนธันวาคม 2567 นอกจากนี้ ณ ปัจจุบัน ระบบขับขี่อัจฉริยะของเสียวหมี่นั้นเดินทางครอบคลุมระยะทางมากกว่า 75 ล้านกิโลเมตร โดยมีระบบการนำทางแบบ NOA ที่คิดเป็น 81% ของระยะทางนี้และครอบคลุม 333 เมืองทั่วประเทศโดยมี Xiaomi SU7 ร่วมอยู่ด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองที่ได้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าที่สำคัญของเสียวหมี่ในด้านการขับขี่อัจฉริยะ ทั้งนี้นับตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป Xiaomi SU7 Pro และ Xiaomi SU7 Max จะเริ่มเปิดตัวฟีเจอร์ช่วยนำทางในเมือง (urban NOA) ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในด้านการขับขี่อัจฉริยะของเสียวหมี่

ในเดือนตุลาคม 2567 เสียวหมี่ได้เปิดตัว Xiaomi HyperOS 2 อย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นการดำเนินการครั้งสำคัญในการสร้างระบบนิเวศ AI ที่ครอบคลุม โดยมีนวัตกรรมทางเทคโนโลยีหลัก 3 ประการ ได้แก่ HyperCore, HyperConnect และ HyperAI ซึ่งมอบประสบการณ์ใหม่และล้ำสมัยให้กับผู้ใช้ทั่วโลกในด้านฟังก์ชันพื้นฐาน การเชื่อมต่ออัจฉริยะข้ามอุปกรณ์ และการโต้ตอบกับ AI