18 ก.ค. 2567 181 0

สื่อโลกจับตา GMM Music จับมือ Tencent และ TME เปลี่ยนผ่าน ธุรกิจเพลง สู่ธุรกิจ IP ต่อท่อธุรกิจเพลงไทย สู่ระดับสากล

สื่อโลกจับตา GMM Music จับมือ Tencent และ TME เปลี่ยนผ่าน ธุรกิจเพลง สู่ธุรกิจ IP ต่อท่อธุรกิจเพลงไทย สู่ระดับสากล

GMM Music กำลังเปลี่ยนผ่านจาก media business ไปสู่การเป็น IP business เพื่อขยายธุรกิจเพลงและธุรกิจดิจิทัลที่เป็นแรงผลักดันสำคัญในการเติบโตของอุตสาหกรรมเพลงยุคใหม่ พร้อมเสริมแกร่งการต่อยอดธุรกิจเพลงสู่ตลาดโลกด้วยการดึงพันธมิตรระดับโลกเข้ามาร่วมลงทุนเชิงกลยุทธ์อย่าง “เทนเซ็นต์ มิวสิค เอ็นเตอร์เทนเมนต์ กรุ๊ป” ผู้นำธุรกิจดนตรีและความบันเทิงในเครือของเทนเซ็นต์ และ “เทนเซ็นต์ โฮลดิ้ง ลิมิเตท” ยักษ์ใหญ่ ด้าน เทคโนโลยี และ Platform จากประเทศจีน เพื่อการเพิ่มขีดความสามารถของบริษัทฯ ขยายไปสู่ตลาดที่ใหญ่ขึ้นทั่วเอเชีย ร่วมกันผลักดันแผนการ IPO ของบริษัทให้ประสบผลสำเร็จ นับเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่สำหรับ GMM Music ที่ต้องการสร้างโอกาสทางธุรกิจ (Upscale Opportunity) ด้านการขยายธุรกิจเพลงและธุรกิจดิจิทัล ที่เป็นแรงผลักดันสำคัญในการเติบโตของอุตสาหกรรมเพลงยุคใหม่ รวมถึงร่วมกันยกระดับคุณภาพเพลงไทยในด้านการผลิต (Uplift Quality) และตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าบริษัทฯ (Unlock Value) ด้วยการแลกเปลี่ยนทรัพยากรและองค์ความรู้เชิงลึก ทั้งในด้านการตลาดและการขาย รวมไปถึงเทคโนโลยีการบริหารจัดการลูกค้า และ การพัฒนานวัตกรรมสมัยใหม่ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนสู่อนาคต


ฟ้าใหม่ ดํารงชัยธรรม ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท จีเอ็มเอ็ม มิวสิค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในตลาดระดับโลกโดยเฉพาะอุตสาหกรรมเพลง เรากำลังก้าวไปสู่สิ่งที่เรียกว่า ยุค Music Second Wave หมายถึง สภาพการณ์ที่ตลาดเพลงกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลกเพราะ การเติบโตของ Digital Streaming จะเห็นได้ว่า มูลค่าของอุตสาหกรรมเพลงทั่วโลก คาดว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นสองเท่า หรือราว 131 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2573 ซึ่งเป็นตัวเลขจากงานวิจัยของ Goldman Sachs สอดคล้องกับการเติบโตของ GMM MUSIC ที่มีรายได้เติบโตขึ้นเป็นจำนวนหลายพันล้านบาท ซึ่งเป็นสองเท่าจากปี 2558 และการคาดการณ์ล่วงหน้าในอีก 6 ปี รายได้ของเราก็จะเพิ่มขึ้นอีกสองเท่าในปี 2573 จะเห็นได้ว่าตลาดเพลงเติบโตรวดเร็วมาก โดยเฉพาะประเทศไทย ที่บริการสตรีมมิ่งเพลง รวมทั้ง Music Subscription กำลังได้รับความนิยม และเติบโตอย่างมาก ทำให้ที่ผ่านมาเราเติบโตได้ประมาณ 30% เทียบกับปีที่ผ่านมาด้วย Music IP ที่มากที่สุด


สำหรับภาพรวมในเอเชียเองก็มีการเติบโตที่เร็วกว่าตลาดโลก โดยมีการเติบโตปีละประมาณ 15% เมื่อเทียบกับตลาดโลกที่เติบโตปีละประมาณ 10% เพื่อรองรับการเติบโตดังกล่าว  ทั้งนี้ GMM Music ได้วาง กลยุทธ์ขยายความร่วมมือกับผู้นำธุรกิจเพลงชั้นนำในตลาดโลก เพื่อขยายสู่ตลาดเอเชียและตลาดนานาชาติ โดยเฉพาะ จีน คือ หนึ่งในตลาดเป้าหมายของเรา เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีโอกาสที่ใหญ่มาก ซึ่ง Tencent และ TME ถือเป็นผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งในตลาดจีน เราจึงร่วมมือที่จะขยายโอกาสทางธุรกิจไปสู่ตลาดใหม่ ที่ใหญ่กว่าเดิม นอกจากนี้ เรายังมีพันธมิตรในอีกหลายประเทศในเอเชีย ที่ผ่านมาเราได้ร่วมมือกับ YG Entertainment จากเกาหลีในการจัดตั้ง YGMM และ LDH จากญี่ปุ่นในการจัดตั้ง G&LDH เพื่อขยายตลาดธุรกิจ IP ไปสู่ภูมิภาคเอเชียให้มากขึ้น

GMM Grammy ประกอบธุรกิจมาเป็นระยะเวลากว่า 40 ปี เรามี catalog เพลงกว่า 50,000 เพลง ซึ่งในปัจจุบันกำลังเปลี่ยนผ่านจาก media business ไปสู่การเป็น IP business เพื่อขยายธุรกิจเพลงและธุรกิจดิจิทัล ที่เป็นแรงผลักดันสำคัญในการเติบโตของอุตสาหกรรมเพลงยุคใหม่ ตลอดจนการต่อยอดธุรกิจเพลงสู่ตลาดโลก


สำหรับแผนการร่วมลงทุนเชิงกลยุทธ์ในครั้งนี้ Tencent และ TME เข้าร่วมลงทุน คิดเป็นมูลค่าราว 70 ล้านดอลลาร์สำหรับหุ้น 10% ใน GMM Music ประเมินเป็นมูลค่าของบริษัทที่ 700 ล้านดอลลาร์ โดยจะเข้ามาช่วยเร่งอัตราการเติบโตของ GMM Music อย่างมีนัยสำคัญ เพื่อให้พร้อมเปิดรับโอกาสทางธุรกิจในยุคใหม่ รวมถึงช่วยเพิ่มขีดความสามารถของบริษัทฯ และขยายไปสู่ตลาดที่ใหญ่ขึ้นทั่วเอเชีย พร้อมร่วมกันผลักดันแผนการ IPO ของบริษัทให้ประสบผลสำเร็จ โดยเราวางแผนจะ IPO ในเวลาที่เหมาะสมภายใน 2 ปี เพราะเชื่อว่าความที่เราเป็น music pure play ที่มี unique contribution เป็นจุดแตกต่างที่ทำให้เราเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง  การลงทุนเชิงกลยุทธ์ในครั้งนี้ นับเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่สำหรับ GMM Music ที่จะสร้างความแข็งแกร่งและความยั่งยืนสู่อนาคต อย่างแท้จริง”