9 ม.ค. 2567 1,025 10

ซัมซุงชูวิสัยทัศน์ 'AI for All' ในงาน CES 2024

 ซัมซุงชูวิสัยทัศน์ 'AI for All' ในงาน CES 2024

ซัมซุงชูวิสัยทัศน์ “AI for All” ในงาน CES 2024 เผยกลยุทธ์การใช้ AI เพื่อมอบประสบการณ์การเชื่อมต่อที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น เป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น และประหยัดพลังงานมากขึ้น

ซัมซุงนำเสนอวิสัยทัศน์ด้านการใช้ AI พร้อมเหล่าพันธมิตรทางธุรกิจในงาน CES 2024 ชู AI ในผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่จะให้ช่วยให้ผู้บริโภคมีไลฟ์สไตล์ที่สะดวกสบายขึ้น ใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ได้ง่าย และสะดวกกว่าที่เคย

จองฮี ฮัน รองประธาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และหัวหน้าฝ่าย DX ของซัมซุง กล่าวเปิดการแถลงข่าวโดยอธิบายว่า AI จะช่วยให้การเชื่อมต่อในชีวิตประจำวันของผู้ใช้ง่ายขึ้นอย่างไร โดย AI นั้นจะ “ทำงานอยู่เบื้องหลัง” และไม่รบกวนการใช้งาน กลยุทธ์ที่คุณฮัน และท่านอื่นๆ นำเสนอนั้นเน้นบทบาทที่จะเสริมสร้างประสบการณ์การเชื่อมต่ออุปกรณ์ ที่ง่ายและมีประโยชน์มากขึ้น พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการหลากหลายซึ่งซัมซุงพัฒนาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเหล่านี้

“การถือกำเนิดของ AI จะช่วยสร้างนิยามใหม่ของชีวิตที่สมาร์ทขึ้นและดียิ่งขึ้น” ฮัน กล่าว “กลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการที่ทั้งทรงพลังและหลากหลาย รวมไปถึงความตั้งใจของเราที่มุ่งสานความร่วมมือแบบเปิดจะช่วยมอบทั้ง AI และการเชื่อมต่อในทุกระดับสู่ผู้บริโภคทุกคน

กลุ่มผลิตภัณฑ์จอภาพและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้ AI มอบประสบการณ์ใหม่ให้กับบ้าน


โจนาธาน กาบรีโอ หัวหน้าศูนย์ประสบการณ์การเชื่อมต่อผลิตภัณฑ์ของซัมซุง สหรัฐฯ นำเสนอแนวทางว่า AI จะช่วยปรับเปลี่ยนวิธีการใช้งานของทั้งผลิตภัณฑ์จอภาพและเครี่องใช้ไฟฟ้าได้อย่างไร ยกตัวอย่างเช่น ทีวี Neo QLED 8K QN900D มีโปรเซสเซอร์ AI, NQ8 AI Gen 3 ซึ่งมาพร้อม AI Neural Network ที่ดีกว่าถึง 8 เท่า และ NPU ที่เร็วกว่ารุ่นก่อนถึง 2 เท่า ให้ทีวีสามารถอัปเกรดคอนเทนต์ที่มีความละเอียดต่ำขึ้นโดยอัตโนมัติ ให้ผู้ชมได้รับประสบการณ์การรับชมคุณภาพสูงสุดระดับ 8K และเพิ่มความคมชัดของภาพที่มีการเคลื่อนไหวเร็วด้วย AI Motion Enhancer Pro และยังมี Active Voice Amplifier Pro ช่วยวิเคราะห์เสียงพูดและเสียงพื้นหลังโดย AI เพื่อยกระดับประสบการณ์การรับฟังเสียงของผู้ใช้ ให้ผู้ใชได้เพลิดเพลินกับคอนเทนต์ต่างๆ ราวกับอยู่ติดขอบสนามกีฬาหรือนั่งแถวหน้าในโรงภาพยนตร์ นอกจากนั้นยังมี Tizen OS Home ซึ่งนำเสนอแอป บริการ คอนเทนต์ส่วนบุคคล และคำแนะนำบริการล่าสุดเพื่อยกระดับประสบการณ์ความบันเทิงของผู้ใช้

ซัมซุงยังนำเสนอนวัตกรรมล้ำหน้าเพื่อช่วยเหลือผู้ชมที่มีความต้องการที่แตกต่างกัน อย่างเช่น ฟีเจอร์ภาษามือในทีวี Neo QLED TV ช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้บกพร่องทางการได้ยินโดยการใช้ท่าทาง และมีฟีเจอร์ Audio Subtitle เปลี่ยนคำบรรยายเป็นเสียงพูดแบบเรียลไทม์ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้บกพร่องทางการมองเห็น

ซัมซุงยังนำเสนอโปรเจคเตอร์ The Premiere 8K ที่ฉายภาพได้กว้างถึง 150 นิ้ว และยังเป็นโปรเจคเตอร์รุ่นแรกที่ถ่ายทอดสัญญาณ 8K ได้แบบไร้สาย ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับชมคอนเทนต์ต่างๆ ได้อย่างเต็มตา เทียบเท่ากับโรงภาพยนตร์แม้อยู่ที่บ้าน

ด้านเสียง ซัมซุงนำเสนอ Music Frame ลำโพงที่ผู้ใช้ปรับแต่งฝาหน้าให้เข้ากับบ้านได้ มาพร้อมฟีเจอร์ Q-Symphony ที่สามารถซิงก์ลำโพงเข้ากับทีวีและซาวด์บาร์ของซัมซุง เสริมพลังเบสและเสียงรอบทิศทางด้วยวูฟเฟอร์ในตัวอย่างง่ายดาย

ซัมซุงได้ทำการอัปเกรดครั้งยิ่งใหญ่ให้กับ Ballie หุ่นยนต์ AI ทรงกลมกลิ้งได้ ที่เปิดตัวครั้งแรกในงาน CES 2020 เป็นเหมือน AI เพื่อนคู่ใจ ที่สามารถโต้ตอบกับสมาร์ทดีไวซ์อื่นเพื่อนำเสนอบริการต่างๆ ทั้งการแสดงผลภาพหรือวิดีโอต่างๆ บนผนัง ช่วยให้ผู้ใช้ทราบข้อมูลในชีวิต ประจำวัน ทั้งสภาพกาศหรือข้อมูลที่จำเป็นไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหน


เพื่อเสริมประสบการณ์ด้านอาหารและในห้องครัว ซัมซุงนำเสนอตู้เย็น Bespoke 4-Door Flex™ พร้อม AI Family Hub™+[1] [2] ที่มีหน้าจอขนาด 32 นิ้วที่รองรับ AI Vision Inside [3] ที่จะใช้กล้องภายในตู้เย็นตรวจจับวัตถุดิบสดที่นำมาแช่หรือนำออกมาได้ถึง 33 ชนิด พร้อมแนะนำสูตรอาหารจากวัตถุดิบเหล่านั้น ผู้ใช้สามารถตั้งรายการกำหนดวันหมดอายุของอาหารผ่านหน้าจอของตู้เย็นได้ เพื่อให้ตู้เย็นแจ้งเตือนเมื่อใกล้ถึงวันหมดอายุของอาหาร AI ในตู้เย็นนี้ช่วยให้ผู้ใช้ประหยัดมากขึ้นจากการลดขยะที่เกิดจากอาหารพร้อมทั้งช่วยให้ผู้บริโภคมีไลฟ์สไตล์ที่รักษ์โลกมากขึ้น นอกจากนี้ เตาอินดักชั่น Anyplace ยังยกระดับไปอีกขั้นด้วยฟีเจอร์ AI ที่สูตรอาหารที่บันทึกไว้ใน Samsung Food จะส่งมาที่หน้าจอขนาด 7 นิ้ว ของเตาให้ผู้ใช้ประกอบอาหารได้สะดวกขึ้น

AI ของซัมซุงยังครอบคลุมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ด้วย อย่าง เครื่องซักและอบผ้า new Bespoke AI Laundry Combo™ มีหน้าจอ LCDขนาด 7 นิ้ว AI Hub [4] ซึ่งเป็นศูนย์ควบคุมการซักและอบผ้า ให้ผู้ใช้สั่งการได้ง่าย ฟีเจอร์นี้จะจดจำรูปแบบการใช้งานของผู้ใช้ อาศัยการเรียนรู้ของเครื่องจักรเพื่อให้คำแนะนำ นอกจากนี้ยังมีหุ่นยนต์ดูดฝุ่นและถูพื้น Bespoke Jet Bot Combo™[5] ใช้ AI เพื่อให้การทำความสะอาดบ้านที่สะดวกและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ฟีเจอร์การตรวจจับวัตถุด้วยที่พัฒนาขึ้นจากหุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นก่อนหน้าสามารถแยกแยะประเภทวัตถุได้มากขึ้น ตรวจจับที่ว่างและคราบสกปรกต่างๆ ได้มากขึ้นเช่นกัน[6] หุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นนี้ยังสามารถตรวจจับชนิดของพื้นและความยาวของพรม ก่อนจะปรับตั้งค่าต่างๆ ให้เหมาะสมได้เอง

ซัมซุงนำเสนอแล็ปท็อป Galaxy Book ที่พร้อมรองรับ AI ได้ดีที่สุด

ซัมซุงมุ่งมั่นยกระดับสิ่งที่คอมพิวเตอร์ PC จะทำได้ และสานความร่วมมือกับ Microsoft เพื่อสร้างประสบการณ์การเชื่อมต่อที่ใหม่และไร้รอยต่อกว่าเดิม ประสบการณ์เหล่านี้จะได้รับการยกระดับไปอีกขั้นด้วยฟีเจอร์การเชื่อมต่อใหม่ๆ เพื่อให้แล็ปท็อป Galaxy Book4 ทำงานได้อย่างราบรื่นขึ้น อัจฉริยะขึ้น และหลากหลายขึ้น เพื่อช่วยเสริมย้ำความมุ่งมั่นของทั้งซัมซุงและ Microsoft เพื่อมอบประสบการณ์ PC ที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

Microsoft Copilot[7] คือผู้ช่วย AI อัจฉริยะที่มีฟีเจอร์หลากหลาย ช่วยเชื่อมต่อแล็ปท็อป Galaxy Book4 กับสมาร์ทโฟนกาแล็คซี่ให้ทำงานได้ร่วมกันอย่างไร้รอยต่อเหมือนเป็นอุปกรณ์เดียวกัน Microsoft Copilot สามารถค้นหา อ่าน และสรุปข้อความจากสมาร์ทโฟนและช่วยสร้างและส่งข้อความในนามของผู้ใช้ได้จาก PC แล็ปท็อปยังสามารถใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ในสมาร์ทโฟนและเข้าถึงแอปต่างๆ รวมถึงข้อมูลต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและอัจฉริยะยิ่งขึ้น

Galaxy Book4 ยังสามารถเปลี่ยนกล้องคุณภาพสูงของสมาร์ทโฟนกาแล็คซี่เป็น PC webcam[8] เพื่อการวิดีโอคอลหรือใช้งานกับแอปประชุมออนไลน์ต่างๆ ให้ผู้ใช้สามารถสลับกล้องหน้าและหลังได้อย่างอิสระเพียงคลิกจากบน PC และยังสามารถใช้ฟีเจอร์ต่างๆ ของกล้องในสมาร์ทโฟน เช่น การเบลอฉากหลังหรือออโต้เฟรมมิ่งเพื่อช่วยโฟกัสผู้พูดไม่ว่าจะในสถานการณ์ใด

ความร่วมมือที่แข็งแกร่งระหว่างซัมซุงและ Microsoft ช่วยนำเสนอฟีเจอร์อัจฉริยะต่างๆ ในแล็ปท็อปรุ่นใหม่ล่าสุด โดยฟีเจอร์การเชื่อมต่อที่กล่าวทั้งหมดข้างต้นจะใช้งานได้ตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป

นอกจากนี้ Galaxy Book4 สามารถจับคู่กับอุปกรณ์กาแล็คซี่อื่นๆ นอกเหนือจากสมาร์ทโฟน เช่น แท็บเล็ต Tab S9 Ultra เพื่อใช้เป็นหน้าจอ อีกหน้าจอหนึ่ง หรือรับฟังเสียงที่คมชัดจากหูฟัง Galaxy Buds2 Pro เพราะ Galaxy Book4 ออกแบบเพื่อมอบประสบการณ์ PC ที่ดีที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้

เชื่อมต่อผู้ใช้กับอุปกรณ์ให้ดีขึ้นด้วยแนวคิดความฉลาดด้าน Spatial Intelligence

แจยอง จุง รองประธานบริหารและหัวหน้าทีม SmartThings กล่าวถึงวิธีใหม่ๆ AI จะเชื่อมโยงผู้ใช้กับอุปกรณ์ได้ดีขึ้น รวมถึงวิสัยทัศน์ใหม่ของ SmartThings นั่นคือ ยิ่งผู้ใช้ใช้อุปกรณ์ของซัมซุงร่วมกันมากขึ้น อุปกรณ์ต่างๆ จะฉลาดมากขึ้น และอุปกรณ์เหล่านี้จะเข้าใจและช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้มากยิ่งขึ้น

แนวคิด Spatial AI คือหัวใจที่จะทำให้วิสัยทัศน์ข้างต้นเป็นความจริง โดยแนวคิดนี้จะช่วยให้อุปกรณ์ต่างๆ รับรู้พื้นที่อยู่อาศัยและกิจวัตรประจำวันของผู้ใช้ จึงสามารถมอบประสบการณ์การจัดการบ้านแบบเฉพาะตัวได้มากขึ้น SmartThings ใช้ LiDAR [9]ในอุปกรณ์ต่างๆ อย่าง หุ่นยนต์ดูดฝุ่นเพื่อสร้างผังห้องแบบดิจิทัล ช่วยให้ผู้ใช้ตรวจสอบสถานะและตำแหน่งของอุปกรณ์ต่างๆ ได้ ตั้งแต่เดือนมีนาคมนี้เป็นต้นไป SmartThings จะอัปเกรดคุฟีเจอร์มุมมองแผนที่ 3D ให้กับสมาร์ทโฟนและสมาร์ททีวีของซัมซุงเพื่อประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ผู้ใช้สามารถเพิ่มสมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนเข้าสู่ SmartThings Ecosystem ได้โดยใช้คิวอาร์โค้ด ทุกคนจึงสามารถสร้างระบบการทำงานแบบกิจวัตรของตนได้

SmartThings จะใช้สมาร์ทเซนเซอร์และ AI เพื่อตรวจจับสถานการณ์ผิดปกติ เช่น การพลัดตก และแจ้งเตือนไปยังผู้ดูแลหรือสมาชิกในครอบครัวที่ตั้งค่าไว้[10] ผู้ใช้ยังสามารถติด Galaxy SmartTag2 ไว้กับปลอกคอหรือสายจูงเพื่อใช้ติดตามสัตว์เลี้ยงและจัดเก็บข้อมูลของสัตว์เลี้ยงแบบดิจิทัล[11]

อีกหนึ่งประเด็นที่คุณจุงอภิปราย คือ Bixby จะช่วยให้อุปกรณ์สมาร์ทโฮมมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นด้วยฟีเจอร์ใหม่ๆ ด้าน AI Bixbyสามารถส่งคำสั่งไปยังอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับคำสั่งนั้นที่สุดโดยอ้างอิงจากตำแหน่งและกิจกรรมของผู้ใช้ เทคโนโลยีหลักๆ Multi Device Wakeup และโปรโตคอลการสื่อสารที่ทำงานร่วมกันได้ ช่วยให้ Bixby ฟังคำสั่งได้โดยใช้อุปกรณ์ทุกชิ้นในห้องแต่จะทำตามคำสั่งโดยใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมที่สุด เช่น หากผู้ใช้ดูกำลังคลิปสูตรอาหารในห้องครัวโดยใช้ Family Hub™  เมื่อผู้ใช้สั่งว่า  “Bixby! เปิดเพลง!”  เพลงจะเล่นจากสมาร์ท    สปีกเกอร์ แต่คลิปสูตรอาหารจาก Family Hub™ จะเล่นต่อไป

สมาร์ททีวีที่มีบริการ Samsung Daily+ จะค่อยๆ เป็นศูนย์กลางของระบบสมาร์ทโฮม และช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงบริการต่างๆ เพิ่มเติมอีกมาก รวมถึงบริการวิดีโอคอลผ่าน ConnecTime เพื่อขอคำแนะนำจากสัตวแพทย์แบบออนไลน์[12] หรือการตรวจจับการออกกำลังกาย ซึ่งจะบันทึกข้อมูลการออกกำลังกายที่โอนมาจากสมาร์ทวอชได้ ในโอกาสนี้ ซัมซุงยังนำเสนอบริการ Samsung Now+ ใหม่ซึ่งจะแสดงข้อมูลบ้านของผู้ใช้ เช่น สภาพอากาศ ภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งแสดงผลได้แม้ไม่ได้เปิดทีวี ผู้ใช้สามารถเรียกดูข้อมูลได้ด้วยการสั่งการผ่านเสียงผ่าน SmartThings

ให้บ้านและรถใกล้ชิดกันมากขึ้นด้วยเทคโนโลยี Home-to-Car

ซัมซุงประกาศความก้าวหน้าในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เริ่มต้นจากการร่วมมือกับ Hyundai Motor Group โดยได้ลงนามบันทึกความเข้าใจและประกาศความร่วมมือก่อนหน้างาน CES 2024 แล้ว ภายใต้ข้อตกลงนี้ ผู้ใช้จะเข้าถึงบริการทั้งแบบ Home-to-Car และ Car-to-Home ได้ผ่านการเชื่อมต่อโดยใช้ SmartThings แฮยัง ควอน หัวหน้าศูนย์พัฒาระบบอินโฟเทนเมนต์และทีมย่อยด้านการประยุกต์ใช้ระบบ SDV[13] ของฮุนไดมอเตอร์ กล่าวถึงความร่วมมือครั้งสำคัญนี้ว่า “เทคโนโลยี SDV ของฮุนไดช่วยให้ SmartThings ทำงานได้กับรถยนต์ฮุนได เกีย และ  เจเนซิสผ่านแอป พวกเราทุกคนที่ฮุนไดมอเตอร์กรุ๊ปรู้สึกยินดีที่ได้สานความร่วมมือกับซัมซุง และเรารู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้นำเสนอคุณสมบัติใหม่ๆ สู่รถของคุณผ่านระบบการเชื่อมต่ออัจฉริยะ” 

SmartThings ช่วยให้ผู้ใช้สั่งการด้วยเสียงเพื่อทำสิ่งต่างๆ ในรถ เช่น สั่งเปิดฮีตเตอร์ล่วงหน้า หรือเปิดและปิดหน้าต่าง การเชื่อมต่อผ่าน SmartThings ยังช่วยให้ผู้ใช้สั่งการสมาร์ทดีไวซ์ในบ้านได้จากรถยนต์เช่นกัน เช่น ผู้ใช้สามารถสั่งเปิดหรือปิดประตูโรงรถได้โดยอ้างอิงจากตำแหน่งของรถ รวมไปถึงการปรับอุณหภูมิในบ้าน ทุกสิ่งที่กล่าวนี้สามารถทำงานได้โดยใช้การสั่งการด้วยเสียง

ยิ่งไปกว่านี้ ซัมซุงยังคงสานต่อความร่วมมือกับฮาร์แมนซึ่งเป็นพันธมิตรมาอย่างยาวนาน เพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่โดยมิเชลล์ กัตตูโซ่ รองประธานฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ของฮาร์แมน กล่าวถึงความร่วมมือของทั้ง 2 บริษัทที่จะสร้างเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่ว่า “ความเป็นผู้นำในธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านของซัมซุงและความเชี่ยวชาญด้านยานยนต์ของฮาร์แมนช่วยสรรสร้างเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าอย่าง Ready Care, Ready Vision and Ready Display อย่างไรก็ดี สิ่งที่เราทำร่วมกับซัมซุงนั้นจะผสานเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น  ซัมซุงและฮาร์แมนจะทำงานร่วมกันเพื่อสร้างประสบการณ์ให้ห้องโดยสารรถยนต์ที่ดียิ่งกว่าที่เคย”

HARMAN Ready Care ซึ่งเน้นความปลอดภัยของผู้ขับขี่ จะใช้เทคนิคการเรียนรู้เชิงลึกผ่านกระบวนการเครือข่ายประสาทเพื่อตรจสอบการเคลื่อนไหวของผู้ขับขี่และความตื่นตัวของร่างกาย ก่อนจะให้คำเตือนและข้อแนะนำเฉพาะบุคคล ระบบนี้ยังสามารถระบุได้ว่าผู้โดยสารเป็นผู้ใหญ่หรือเด็ก และควบคุมการปล่อยถุงลมนิรภัยให้เหมาะสม

นอกเหนือจากนี้ Ready Vision นำเสนอหน้าจอบนกระจกหน้าโดยใช้เทคโนโลยี AR ในระยะสายตาของผู้ขับขี่ในสถานการณ์ที่ผู้ขับขี่ต้องการ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงแผ่นที่ที่จะอัพเดทตามเส้นทางต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์ และรับคำแนะนำเส้นทางที่เร็วที่สุดหรือเส้นทางที่สามารถจอดแวะดื่มกาแฟได้ อีกหนึ่งระบบจากฮาร์แมน คือ Ready Upgrade เป็นระบบที่ช่วยให้ผู้ผลิตรถยนต์สามารถอัพเดทอาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของรถได้อย่างต่อเนื่อง ให้รถยนต์ทันสมัยอยูเสมอและใช้งานได้นานขึ้น


ซัมซุงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวในทุกอุปกรณ์

ซัมซุงตระหนักดีว่าความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในยุคปัญญาประดิษฐ์และยุคที่อุปกรณ์ต่างๆ เชื่อมต่อแบบเชิงลึก ชิน เบี๊ยกจากทีมความปลอดภัยของอุปกรณ์มือถือ กล่าวถึงโซลูชั่นความปลอดภัยในฐานะรากฐานของยุคที่ทุกสิ่งเชื่อมต่อกันแบบเชิงลึก  หนึ่งในโซลูชั่นคือ Samsung Knox Matrix ซึ่งในขณะนี้สามารถเข้ารหัสข้อมูลจากต้นน้ำถึงปลายน้ำทั้งในสมาร์ทโฟนและสมาร์ททีวีหลายรุ่น เทคโนโลยีนี้ช่วยให้อุปกรณ์ช่วยตรวจสอบกันและกันเพื่อระบุและแยกแยะภัยคุกคามความปลอดภัย Knox Vault ที่ช่วยปกป้องข้อมูลของผู้ใช้ในอุปกรณ์ของซัมซุงที่ได้รับความนิยมบางรุ่นได้รับการยกระดับให้ใช้งานได้ในอุปกรณ์ที่รองรับ SmartThing เช่น Neo QLED TV ยิ่งไปกว่านี้ ความร่วมมือระหว่างซัมซุงกับบริษัททางเทคโนโลยีชั้นนำต่างๆ ช่วยให้ผู้ใช้รักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวมากขึ้นโดยยังสอดรับความต้องการเฉพาะของผู้ใช้แต่ละคนด้วย

ซัมซุงเลือกใช้วัสดุอย่างรับผิดชอบต่อโลก ฟังก์ชั่นเพื่อการจัดการพลังงาน และฟีเจอร์ที่เอื้อกับผู้พิการ

อินฮี ชุง รองประธานศูนย์ความยั่งยืนองค์กรของซัมซุง กล่าวเน้นถึงแผนของซัมซุงด้านแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ส่วนหนึ่งของแผนเหล่านี้คือการใช้วัสดุรีไซเคิลจำนวนมากยิ่งขึ้นในผลิตภัณฑ์ ทั้งการใช้พลาสติกรีไซเคิลจากตาข่ายดักปลาที่เสื่อมสภาพในผลิตภัณฑ์กาแล็คซี่[14] รวมถึงการใช้พลาสติกรีไซเคิลในทีวี และอลูมิเนียมรีไซเคิลในตู้เย็น Bespoke[15] ยิ่งไปกว่านี้ บริษัทฯ ยังนำเสนอบริการ Certified ReNewed ในสหรัฐฯ และบางประเทศในยุโรปเพื่อจัดจำหน่ายสมาร์ทโฟนรีเฟอร์บิช อีกทั้งยังมีโครงการกาแล็คซี่อัพไซคลิง ให้ผู้บริโภคสามารถนำสมาร์ทโฟนของตนมาใช้ซ้ำหรือปรับเปลี่ยนวัตถุประสงค์การใช้งานได้อย่างสร้างสรรค์ ซัมซุงยังวางแผนจะยกระดับแนวคิดรีไซเคิลและอัพไซเคิลไปอีกขั้นในอนาคต

ซัมซุงยังใช้ AI เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ มีความยั่งยืนมากขึ้น อาทิ ใช้ควบคุมการใช้พลังงานของอุปกรณ์ต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นโดยใช้ SmartThings Energy Mode ซึ่งจะปรับแต่งการใช้พลังงานให้เหมาะสมเพื่อช่วยประหยัดไฟกับผู้ใช้ ฟีเจอร์เหล่านี้ถือเป็นตัวอย่างของการใช้เทคโนโลยี AI เพื่อให้ชีวิตง่ายขึ้น และให้ผู้บริโภคใช้ชีวิตอย่างประหยัดและเป็นมิตรกับโลกมากขึ้น

ภายใต้ความร่วมมือระหว่างซัมซุงกับ Tesla ช่วยให้ SmartThings Energy มีประโยชน์มากยิ่งขึ้นทั้งในและนอกบ้าน ความร่วมมือนี้ก่อให้เกิดการผสาน SmartThings Energy เข้ากับผลิตภัณฑ์ของ Tesla ทั้งรถยนต์พลังงานไฟฟ้า แบตเตอรี่สำหรับบ้านพาวเวอร์วอลล์ โซลาร์อินเวอร์เตอร์ และโซลูชั่นเครื่อประจุไฟฟ้าให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าวอลล์คอนเนกเตอร์ อีกหนึ่งประโยชน์ที่ผู้ใช้ SmartThings Energy สามารถใช้ได้คือการใช้งานฟีเจอร์ “การติดตามพายุ” จากแอป Tesla สำหรับการควบคุมพาวเวอร์วอลล์ โดยจะแจ้งเตือนสภาพอากาศแปรปรวนรุนแรงผ่าน SmartThings และแอป Tesla อีกทั้งยังแจ้งเตือนผ่านทางสมาร์ทีวีและสมาร์ทโฟนซัมซุง SmartThings ยังช่วยให้ผู้ใช้เตรียมพร้อมรับกับสถานการณ์ไฟฟ้าดับโดยเปิดโหมด AI Energy เพื่อยืดเวลาการใช้พลังงานสำรองที่เก็บอยู่ในแบตเตอรี่เทสล่าพาวเวอร์วอลล์

ซัมซุงยังเพิ่มฟีเจอร์ต่างๆ เพื่อให้ผู้พิการสามารถใช้งานด่ายขึ้น เช่น การรองรับการสั่งการแบบแฮนด์สฟรีในเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน การขึ้นคำบรรยายอัตโนมัติในสมาร์ทโฟนระหว่างการโทรศัพท์ หรือการเปลี่ยนข้อความเป็นเสียงพูดโดยอาศัย AI ช่วยเปลี่ยนคำบรรยายด้านล่างจอทีวีเป็นเสียงพูด เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้พิการทางการมองเห็นอีกขั้น ซัมซุงนำเสนอ Relumino Together ในสมาร์ททีวีของซัมซุง ช่วยให้ทั้งผู้ชมปกติและผู้พิการสามารถชมทีวีด้วยกันได้โดยไม่มีการปรับแต่งภาพ ให้ทุกคนเพลิดเพลินกับความบันเทิงได้พร้อมกัน

[1] ชื่อนี้สำหรับการทำการตลาดในทวีปอเมริกาเหนือเท่านั้น ในตลาดอื่นจะใช้ชื่อ “Bespoke 4-Door French Door Refrigerator with Family Hub™+”.

[2] มิได้หมายความว่าบริการทั้งหมดใน AI Hub หรือผลลัพธ์จาก AI Hub จะเกิดจากการใช้ AI และกระบวนการสร้างข้อมูลโดยใช้ AI ทั้งนี้ ฟีเจอร์และบริการที่ใช้การเรียนรู้เชิงลึกได้แก่ 1) ฟีเจอร์ AI Vision Inside 2) ฟีเจอร์ Bixby

[3] ณ เดือนมีนาคม 2024 AI Vision Inside สามารถตรวจจับผักและผลไม้ได้ 33 ชนิด หากระบบไม่สามารถตรวจจับอาหารสดนั้นได้เนื่องจากติดมือของผู้ใช้ ระบบอาจแสดงผลว่าวัตถุดิบสดนั้นเป็นวัตุดิบที่ไม่สามารถระบุได้ กล้องไม่สามารถตรวจจับหรือแสดงผลวัตถุดิบในช่องข้างฝาตู้เย็นหรือในช่องแช่แข็งได้ การตรวจจับและระบุวัตถุดิบสดอาศัยฐานข้อมูลการเรียนรู้เชิงลึกของซัมซุงที่ใช้ฝึก AI ฐานข้อมูลที่นำมาใช้นี้เป็นฐานข้อมูลที่มีการกำหนดชุดข้อมูลไว้แล้วจึงอาจให้ข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์และอาจมีการเพิ่มเติมชุดข้อมูลใหม่เป็นระยะ

[4] มิได้หมายความว่าบริการทั้งหมดใน AI Hub หรือผลลัพธ์จาก AI Hub จะเกิดจากการใช้ AI และกระบวนการสร้างข้อมูลโดยใช้ AI ทั้งนี้ ฟีเจอร์และบริการที่ใช้การเรียนรู้เชิงลึกได้แก่ 1) AI Smart Dial 2) AI Opti Wash & Dry และ 3) ฟีเจอร์ Bixby โมเดลที่ใช้อาจให้ข้อมูลที่ผิดพลาดหรือไม่สมบูรณ์ และอาจมีการเพิ่มเติมโมเดลใหม่เป็นระยะ

[5] อยู่ระหว่างการพัฒนาและอาจมีการเปลี่ยนแปลง

[6] ฟีเจอร์นี้คาดว่าจะใช้งานได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2024

[7] ต้องเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับแล็ปท็อปผ่านแอป ‘Link to Windows’ ในสมาร์ทโฟนและโปรแกรม Microsoft Phone Link ใน PC โดยทำตามคำแนะนำของระบบ สมาร์ทโฟนกาแล็คซี่ที่รองรับต้องใช้ส่วนประสานผู้ใช้วันยูไอ 1.0 ขึ้นไป ต้องใช้ Microsoft แอคเคาท์เดียวกันทั้งในสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป ทั้งนี้ กำหนดการและขีดความสามารถของฟีเจอร์นี้อาจแตกต่างกันตามท้องตลาดและอุปกรณ์

[8] ต้องเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับแล็ปท็อปผ่านแอป ‘Link to Windows’ ในสมาร์ทโฟนและโปรแกรม Microsoft Phone Link ใน PC โดยทำตามคำแนะนำของระบบ สมาร์ทโฟนกาแล็คซี่ที่รองรับต้องใช้ส่วนประสานผู้ใช้วัน OneUI 1.0 ขึ้นไป ต้องใช้ Microsoft แอคเคาท์เดียวกันทั้งในสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป ทั้งนี้ กำหนดการและขีดความสามารถของฟีเจอร์นี้อาจแตกต่างกันตามท้องตลาดและอุปกรณ์

[9] ย่อมาจาก Light Detection and Ranging หมายถึงเทคโนโลยีที่ใช้แสงเพื่อวัดระยะ 

[10] SmartThings จะแจ้งผู้ที่กำหนดไว้ในระบบในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินหากระบบสามารถตรวจจับการพลัดตกหกล้มผ่านเซนเซอร์ตรวจจับของพันธมิตรของซัมซุงที่รองรับการตรวจจับการพลัดตกหกล้ม หรือ Galaxy Watch คาดว่าคุณสมบัตินี้จะใช้งานได้ภายในปีนี้

[11] ก่อนใช้งาน ต้องลงทะเบียนใช้งานด้วยอีเมล พร้อมระบุข้อมูลผู้ติดต่อและข้อความที่แสดงในโหมดสูญหายโดยใช้แอปสมาร์ทธิงส์ อุปกรณ์ที่ใช้ค้นหาสมาร์ทแท็ก 2 ต้องรองรับการอ่านเอ็นเอฟซีและเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้

[12] ซัมซุงเดลี่+ นำเสนอบริการสัตวแพทย์ออนไลน์จากผู้ให้บริการภายนอก เช่น Dr. Tail

[13] ย่อมากจาก Software Defined Vehicle

[14] พลาสติกรีไซเคิลจากตาข่ายดักปลาที่เสื่อมสภาพนั้นเป็นส่วนประกอบของสมาร์ทโฟน Galaxy S22, S23, S23 FE, Z Flip4, Z Fold4, Z Flip5, Z Fold5, Galaxy Tab S9, Tab S9 FE, Galaxy Book 3, Book 4, Galaxy Buds2 Pro, Buds FE and more

[15] อลูมิเนียมรีไซเคิลเป็นส่วนประกอบพาเนลประตูคู้เย็น Bespoke หลายรุ่น เช่นรุ่น RQ38B9981APG, RR40B9971APG, RR40B99C5AP/**, RW33B99*****, RW33B99C5TF/**, RZ38B98*****, และ RZ38B98C5AP/**