27 ก.พ. 2566 595 0

Xiaomi 13 Series co-engineered with Leica เปิดตัวเป็นทางการในตลาดต่างประเทศ พร้อมด้วย AIoT สุดพรีเมียมรุ่นใหม่มากมาย

Xiaomi 13 Series co-engineered with Leica เปิดตัวเป็นทางการในตลาดต่างประเทศ พร้อมด้วย AIoT สุดพรีเมียมรุ่นใหม่มากมาย

เป็นครั้งแรกที่ผู้ใช้งานทั่วโลกจะได้สัมผัสประสบการณ์การใช้กล้องระดับมืออาชีพจาก Leica บนสมาร์ทโฟนเรือธงของเสียวหมี่จาก Xiaomi 13 Series พร้อมพบนิยามใหม่ของความบันเทิงและการใช้ชีวิตอย่างชาญฉลาดสำหรับทุกคนจากผลิตภัณฑ์ AIoT รุ่นใหม่ Xiaomi Buds 4 Pro, Xiaomi Watch S1 Pro และ Xiaomi Electric Scooter 4 Pro


เสียวหมี่ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุด – Xiaomi 13 Series – สู่ตลาดต่างประเทศ ณ งานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ที่เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน ด้วยความร่วมมือด้านผลิตภัณฑ์เชิงลึกระหว่างเสียวหมี่ และ Leica ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในด้านเทคโนโลยีการถ่ายภาพใน Xiaomi 13 และ Xiaomi 13 Pro ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อมอบประสบการณ์การถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟนใหม่ล่าสุดแก่ผู้ใช้งานทั่วโลก สมาร์ทโฟนเรือธงทั้งสองรุ่นนี้ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างสูงนั้นได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมร่วมกับ Leica โดยมาพร้อมเลนส์ออปติคัลระดับมืออาชีพของ Leica รวมไปถึงความสามารถในการคำนวณขั้นสูงและซอฟต์แวร์มากมายเพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานจาก Leica อย่างแท้จริง ทั้งยังมีคุณสมบัติระดับพรีเมียมอื่นๆ ได้แก่ การใช้ชิปเซ็ต Snapdragon® 8 Gen 2 ใหม่ล่าสุด และระบบจัดการแบตเตอรี่ Xiaomi Surge เพื่อให้คุณมั่นใจในประสิทธิภาพอันทรงพลังในทุกๆ ด้านอีกด้วย

"ผมประทับใจใน Xiaomi 13 Series เป็นอย่างมาก สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ถือเป็นรุ่นที่จะมาพลิกเกมอย่างแท้จริงสำหรับผม" กล่าวโดย มร. สตีฟ แมคเคอรรี่ (Steve McCURRY) ช่างภาพชื่อดังระดับโลกที่ได้รับรางวัล International Photography Hall of Fame ผู้ได้รับรางวัล Leica Hall of Fame Award คนแรก และรางวัลแอมบาสเดอร์ของ Leica เขากล่าวในขณะที่เขาแสดงความตื่นเต้นเกี่ยวกับการเปิดตัว Xiaomi 13 Series


การถ่ายภาพระดับปรมาจารย์ด้วยระบบกล้องที่ร่วมออกแบบโดย Leica

ในทุกมิติของระบบกล้องของ Xiaomi 13 และ Xiaomi 13 Pro ตั้งแต่ฮาร์ดแวร์และคุณภาพของภาพไปจนถึงการออกแบบ UI/UX ได้ถูกสร้างขึ้นโดยความร่วมมือกับ Leica เพื่อมอบประสบการณ์การถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟนระดับมืออาชีพ สมาร์ทโฟนทั้งสองมาพร้อมกับกล้องสามตัวพร้อมเลนส์ออปติคัลจาก Leica


ระบบกล้อง Leica Vario-Summicron 1:19-2.2/14-75 ASPH ใน Xiaomi 13 Pro ครอบคลุมทางยาวโฟกัสตั้งแต่ 14 มม. ถึง 75 มม. โดยประกอบไปด้วยกล้องเลนส์ไวด์ 23 มม. พร้อมเซ็นเซอร์ IMX989 ขนาดใหญ่พิเศษ 1 นิ้ว กล้องเทเลโฟโต้ลอยตัว 75 มม. และเลนส์อัลตร้าไวด์ 14 มม. เซ็นเซอร์ IMX989 ที่ถูกใช้ครั้งแรกใน Xiaomi 12S Ultra เป็นเซ็นเซอร์ที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาในสมาร์ทโฟน ด้วยช่วงไดนามิกที่สูงทำให้สามารถเก็บแสงได้อย่างยอดเยี่ยมและยังตอบสนองรวดเร็ว เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่นี้ทำให้ได้ภาพที่มีสีสันพร้อมคอนทราสต์ที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดและเก็บทุกรายละเอียดของทุกพื้นผิวได้อย่างไม่มีที่ติ นอกจากนี้การใช้เทคโนโลยีการโฟกัสภาพในระดับ DSLR ทำให้เลนส์เทเลโฟโต้ขนาด 75 มม. นั้นใช้ประโยชน์จากการออกแบบเลนส์แบบลอยตัว (a floating lens design) เพื่อให้ได้ช่วงโฟกัสตั้งแต่ 10 ซม. ถึงระยะอินฟินิตี้ ซึ่งสมบูรณ์แบบสำหรับการจัดเฟรมภาพบุคคลที่สวยงามและภาพถ่ายระยะใกล้อันยอดเยี่ยม


ในขณะเดียวกัน Xiaomi 13 มาพร้อมช่วงซูมออปติคอล 0.6x ถึง 3.2x และยังมีเลนส์เทเลโฟโต้ 75 มม. ซึ่ง Xiaomi 13 และ Xiaomi 13 Pro มีตัวเลือกการตั้งค่ากล้องที่มีรายละเอียดมากมายเพื่อสร้างความประทับใจให้กับทั้งช่างภาพมือสมัครเล่นและช่างภาพมืออาชีพ ระบบเลนส์หลักซึ่งเป็นคุณสมบัติของซอฟต์แวร์มอบทางยาวโฟกัสและระยะชัดลึกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการถ่ายภาพบุคคลที่สมบูรณ์แบบ ผู้ใช้ยังสามารถเลือกสไตล์การถ่ายภาพที่แตกต่างกันได้ 2 แบบ ได้แก่ Leica Authentic Look และ Leica Vibrant Look โดยจะมอบความงดงามของภาพที่ยอดเยี่ยมไว้ด้วยความแม่นยำและมีความอิ่มตัวของสีในระดับที่เหมาะสม นอกจากนี้สมาร์ทโฟนนี้ยังนำ UI ที่น่าสนใจและใช้งานง่ายมาพร้อมกับฟีเจอร์สนุกๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ลายน้ำของ Leica เสียงชัตเตอร์คลาสสิกของ Leica และฟิลเตอร์ของ Leica เพิ่มเข้ามาอีกด้วย

Xiaomi 13 Pro และ Xiaomi 13 มาพร้อม Xiaomi Imaging Engine ทำให้มีความสามารถในการถ่ายภาพที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสมาร์ทโฟนเรือธงทั้งหมดของเสียวหมี่ ไม่เพียงแค่เพิ่มความเร็วในการถ่ายภาพเท่านั้น แต่ยังสามารถโฟกัสวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวได้โดยอัตโนมัติด้วย Xiaomi ProFocus อีกด้วย

สมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นให้คุณสามารถปรับพารามิเตอร์การถ่ายภาพได้ด้วยตนเองในโหมดโปร ในขณะที่ Xiaomi 13 Pro รองรับกล้อง RAW DNG 10 บิต (10-Bit RAW DNG) และโปรไฟล์สี (Color Profiles) ที่สร้างโดย Adobe เพื่อรองรับ Adobe Photoshop และ Adobe Lightroom 

Xiaomi 13 และ Xiaomi 13 Pro ยังเก่งในด้านการถ่ายวิดีโออีกด้วย โดยมาพร้อมเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักถ่ายวิดีโอระดับมืออาชีพ อุปกรณ์ทั้งสองช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ "Create in Dolby Vision®" เพื่อสีสันที่สวยสดสมจริง, คอนทราสต์ที่คมชัด และรายละเอียดที่สมบูรณ์ ถ่ายวิดีโอ 4K Ultra Night และนำเสนอระบบป้องกันภาพสั่นไหวด้วย HyperOIS สำหรับการจับภาพวิดีโอคุณภาพเยี่ยม

ความเร็วผสานเข้ากับประสิทธิภาพอันน่าทึ่งด้วย Snapdragon®️ 8 Gen 2 และ Xiaomi Surge

ทั้ง Xiaomi 13 และ Xiaomi 13 Pro ขับเคลื่อนโดยชิปเซ็ตชั้นนำ Snapdragon®️ 8 Gen 2 พร้อมการประมวลผลกราฟิกที่ได้รับการปรับปรุงผ่านประสิทธิภาพของ GPU และการปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงานที่ดีขึ้น 42% และ 49% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ในขณะที่ประสิทธิภาพและพลังงานของ CPU ประสิทธิภาพดีขึ้น 37% และ 47% ตามลำดับ1เช่นกัน ประสิทธิภาพที่ทรงพลังนี้การันตีความสามารถในการจัดการกับงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การถ่ายภาพ, AI แบบเรียลไทม์ และการเล่นเกม ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับใช้ได้ทั้งได้อย่างมั่นใจ

อุปกรณ์นี้ยังรองรับ Wi-Fi 7 พร้อมระบบเชื่อมต่อมือถือ Qualcomm® FastConnect™ 7800 Xiaomi 13 Pro มาพร้อมเทคโนโลยี Multi-Link High Band Simultaneous (HBS) ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อ 5GHz และ/หรือ 6GHz ได้หลายรูปแบบพร้อมกัน และสามารถรองรับความเร็วสูงสุดได้ถึง 5.8Gbps ทั้งยังลดทอนความล่าช้าและเพิ่มประสิทธิภาพของเครือข่ายที่ดีขึ้น2 ในขณะที่ Xiaomi 13 มาพร้อม เทคโนโลยี Dual Band Simultaneous (DBS) Multi-Link และสามารถรองรับความเร็วสูงสุดได้ถึง 3.6Gbps2 


Xiaomi 13 และ Xiaomi 13 Pro มาพร้อมกับระบบการจัดการแบตเตอรี่ Xiaomi Surge ซึ่งใช้ชิปการชาร์จ Surge ที่พัฒนาขึ้นเองของเสียวหมี่เพื่ออายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นและประสบการณ์ที่ดีขึ้นอีกระดับ Xiaomi 13 มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4,500mAh ที่มีความหนาแน่นของพลังงานสูงที่สุดภายใต้กำลังไฟเดียวกันทำให้คุณสามารถใช้งานได้ตลอดวัน นอกจากนี้ยังรองรับเทอร์โบชาร์จแบบมีสาย 67W และเทอร์โบชาร์จไร้สาย 50W ในขณะเดียวที่ Xiaomi 13 Pro ใช้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4,820mAh พร้อมระบบ HyperCharge 120W ซึ่งสามารถชาร์จเต็ม 100% ได้ในเวลาเพียง 19 นาที3 เท่านั้น

สมาร์ทโฟนเรือธงที่มาพร้อมดีไซน์มินิมอลสุดพรีเมียมและจอแสดงผลที่ดีที่สุดในรุ่น

ทั้ง Xiaomi 13 และ Xiaomi 13 Pro ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีความเรียบง่ายโดยเน้นความสามารถทางเทคโนโลยีอันทรงพลัง

Xiaomi 13 มีสีสุดคลาสสิกและดึงดูดใจให้เลือก ได้แก่ Black, White และ Flora Green มาพร้อมดีไซน์จอแบบ flat ที่มีสไตล์พร้อมขอบแบน และดีไซน์ด้านหลังโค้งแบบ 2.5 มิติ Xiaomi 13 นั้นถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มสัมผัสที่กระชับมือและน่าประทับใจ โดยมาพร้อมอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 93.3% และขอบจอบางเฉียบเพียง 1.61 มม.4 จึงมอบประสบการณ์การรับชมที่สมจริงไม่เป็นรองใครสำหรับอุปกรณ์ในขนาดเท่านี้ Xiaomi 13 มาพร้อมหน้าจอแสดงผล AMOLED FHD+ ขนาด 6.36 นิ้ว และใช้วัสดุ E6 AMOLED แบบใหม่เพื่อให้ภาพที่สว่างและสีที่แม่นยำยิ่งขึ้นด้วยการใช้พลังงานที่น้อยลง

Xiaomi 13 Pro ได้รับการออกแบบตัวเครื่องด้วยเซรามิกโค้งมน 3 มิติเพื่อให้ดูสม่ำเสมอตลอดทั้งอุปกรณ์ไปจนถึงตัวกล้อง Xiaomi 13 Pro มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Ceramic Black และ Ceramic White ให้ความรู้สึกดีเยี่ยมเมื่อใช้งาน ตัวอุปกรณ์มาพร้อมหน้าจอแสดงผล 120Hz WQHD+ AMOLED ขนาดใหญ่ 6.73 นิ้ว และด้วยการใช้วัสดุ E6 แบบเดียวกัน ทำให้ตัวอุปกรณ์สามารถให้ความสว่างเต็มหน้าจอ 1,200 nits และให้ความสว่างสูงสุด 1,900 nits รวมทั้งยังสามารถแสดงสีที่แม่นยำด้วย TrueColor ด้วย Dolby Vision®, HDR10+, HDR10, HLG รวมถึง Dolby Atmos® ได้อีกด้วย ทำให้คุณได้ดื่มด่ำไปกับประสบการณ์ภาพและเสียงได้อย่างเต็มที่

สมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นมาพร้อมการป้องกันฝุ่นและน้ำระดับ IP685 เพื่อการป้องกันที่ดีที่สุดและให้คุณใช้งานได้อย่างไร้กังวล

เสียวหมี่เปิดตัว AIoT สุดพรีเมียมรุ่นใหม่ล่าสุด Xiaomi Buds 4 Pro, Xiaomi Watch S1 Pro และ Xiaomi Electric Scooter 4 Pro

เสียวหมี่พร้อมมอบประสบการณ์แห่งความบันเทิงและเปลี่ยนวิธีการที่จะทำให้ผู้คนมีส่วนร่วมกับเทคโนโลยีมากขึ้น ด้วยผลิตภัณฑ์ AIoT ที่โดดเด่น


  • Xiaomi Buds 4 Pro: ระบบเสียงที่มีมิติทุกทิศทาง

ด้วยคุณสมบัติ TWS ที่ได้รับการอัปเกรดและการออกแบบที่สวยงาม Xiaomi Buds 4 Pro รุ่นใหม่ล่าสุด มอบประสบการณ์การฟังที่มีความแม่นยำสูงพร้อมรายละเอียดเสียงที่น่าทึ่ง Xiaomi Buds 4 Pro ยังรวมเอาเทคโนโลยี LDAC ของ Sony ซึ่งทำให้มีอัตราการถ่ายโอนข้อมูลสูงถึง 990kbps และความลึกบิตสูงสุด 32 บิต พร้อมกับการรองรับ Hi-Res Audio Wireless6 นอกจากนี้ Xiaomi Buds 4 Pro ยังมาพร้อมการตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟอันน่าประทับใจ โดยมีความลึกสูงสุดถึง 48dB7 ซึ่งแยกผู้ใช้ออกจากเสียงรบกวนที่ไม่พึงประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยวิธีนี้ผู้ใช้สามารถมีสมาธิได้อย่างแท้จริงแม้เมื่ออยู่ใกล้ถนนที่พลุกพล่านโดยไม่มีเสียงรบกวน


Xiaomi Buds 4 Pro มาพร้อมฟีเจอร์ Dimensional audio8 ในตัวที่ตรวจจับการเคลื่อนไหวของศีรษะของผู้ใช้และปรับเสียงตามตำแหน่งในเชิงพื้นที่ เพื่อให้แน่ใจว่ารายละเอียดเสียงแต่ละรายการจะถูกจัดวางอย่างแม่นยำเพื่อให้ได้เสียงที่สมจริงที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นระบบเสียงที่มีมิติจะสร้างประสบการณ์เสียงรอบทิศทางที่น่าตื่นตาตื่นใจ ทำให้ Xiaomi Buds 4 Pro เป็นคู่หูที่สมบูรณ์แบบสำหรับคนรักการชมภาพยนตร์ที่ต้องการเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การรับชมที่เหมือนจริงได้ทุกที่ทุกเวลา

Xiaomi Buds 4 Pro ยังมีอายุแบตเตอรี่ที่น่าประทับใจ สามารถฟังต่อเนื่องสูงสุดได้ยาวนาน 9 ชั่วโมง9 ในการชาร์จหนึ่งครั้ง และสูงสุด 38 ชั่วโมงเมื่อใช้ร่วมกับเคสชาร์จ พร้อมรองรับการชาร์จแบบไร้สาย และเพื่อเพิ่มความสะดวกและประสิทธิภาพสูงสุด Xiaomi Buds 4 Pro ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสลับไปมาระหว่างอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อได้อย่างราบรื่นด้วยคุณสมบัติการเชื่อมต่อสองอุปกรณ์ในตัว10


Xiaomi Buds 4 Pro ได้รับการออกแบบที่ไม่เหมือนใครด้วยสไตล์ ‘แคปซูลอวกาศ’ (Space Capsule) ภายในเคสมีแม่เหล็กหลายตัวเพื่อช่วยยึดติดอยู่ในตำแหน่งอย่างมั่นคง แต่ผู้ใช้งานก็ยังสามารถหยิบถอดหูฟังออกจากเคสได้ด้วยมือข้างเดียวอย่างสะดวก จุกหูฟังทำจาก LSR แบบนุ่มช่วยให้แน่ใจว่าหูฟังจะอยู่กับที่ และมีสามขนาดให้เลือกสวมใส่ได้พอดี พร้อมด้วยฟีเจอร์ใหม่ "Intelligent Fit Monitoring" ช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาขนาดที่พอดีที่สุดกับตัวเองพร้อมความสบายสูงสุดในการฟังเพลงได้ยาวนานหลายชั่วโมง Xiaomi Buds 4 Pro ใหม่ยังมีให้เลือกสองสี ได้แก่ Star Gold และ Space Black เพื่อให้ดูพรีเมียมอย่างแท้จริง

Xiaomi Buds 4 Pro ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับการตั้งค่าเสียงผ่านแอพ Xiaomi Earbuds โดยเฉพาะได้เป็นครั้งแรก แอปนี้ให้คุณเข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ๆ มากมาย เช่น โหมด ANC, โหมดฟังเสียงภายนอก (Transparency Mode), ระบบเสียงที่มีมิติในตัว8 (built-in dimensional audio) และการเชื่อมต่ออุปกรณ์แบบคู่10 (dual-device connectivity) เพื่อให้ผู้ใช้งานได้เลือกการใช้งานได้ตามความชอบ พร้อมให้ดาวน์โหลดแอปได้ทาง Google Play Store ทำให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งประสบการณ์การฟังของตัวเองได้อย่างเต็มที่

  • Xiaomi Watch S1 Pro: การออกกำลังกายที่ผสมผสานความคลาสสิคได้อย่างลงตัว

Xiaomi Watch S1 Pro สามารถผสานการออกแบบอันคลาสสิกและเทคโนโลยีที่ทันสมัยของสมาร์ทวอทช์ที่ให้เข้ากันได้อย่างลงตัว สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันโดยใช้วัสดุระดับพรีเมียมที่มีความทนทานและมีสไตล์ ตัวอุปกรณ์มาพร้อมหน้าจอแสดงผล AMOLED ขนาด 1.47 นิ้ว, ปุ่มการปรับ (rotatable crown) และกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ที่ป้องกันรอยขีดข่วนเพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน มีสองสีให้เลือก ตัวเรือนสีเงินมาพร้อมสายหนังสีน้ำตาล (a silver case with a brown leather strap) และตัวเรือนสีดำมาพร้อมสายยางฟลูออโรสีดำ (a black case with a black fluororubber strap) นอกจากนี้ยังมีหน้าปัดนาฬิกาให้เลือกมากกว่า 100 แบบ โดยสามารถปรับแต่งให้เข้ากับความสวยงามได้หลากหลายรูปแบบ ยิ่งไปกว่านั้นตัวอุปกรณ์ยังมาพร้อมเข็มนาฬิกาที่เป็นสากลที่ช่วยให้คุณสามารถเปลี่ยนสายได้อย่างง่ายได้มากยิ่งขึ้น


Xiaomi Watch S1 Pro ผสานเอาการออกแบบ UI ที่ครบวงจรและแอนิเมชั่นที่ปรับแต่งแล้วเข้ามาช่วยเพิ่มความสวยงามของอินเทอร์เฟซและความลื่นไหลของหน้าจอเพื่อมอบประสบการณ์อันดีเยี่ยมให้ผู้ใช้งานขึ้นไปอีกขั้น ตัวอุปกรณ์ที่ถูกออกแบบให้เป็นมิตรต่อการใช้งานนี้ยังมาพร้อมการซิงโครไนซ์ขั้นสูง11 เพื่อลดเวลาความล่าช้าในการแจ้งเตือนระหว่างอุปกรณ์ โดยทำให้การจับคู่ง่ายยิ่งขึ้น Xiaomi Watch S1 Pro มาพร้อมกับฟังก์ชันการจับคู่แบบป๊อปอัปที่ใช้งานได้แบบเอ็กคลูซีฟกับสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่12


Xiaomi Watch S1 Pro ช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตามข้อมูลแบบเรียลไทม์ในกิจกรรมกีฬามากกว่า 100 รายการ สำหรับนักวิ่งมีโปรแกรมการวิ่งกว่า 10 ประเภท ที่ถูกติดตั้งมาในอุปกรณ์เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการออกกำลังกายต่างๆ ของคุณ และยังรวมไปถึงคอมโบการวิ่งหรือเดินสำหรับผู้เริ่มต้นออกกำลัง หรือการฝึกที่เน้นการเผาผลาญไขมันหรือความทนทาน และแม้แต่การฝึกเป็นระยะๆ เพื่อเสริมสร้างสุขภาพของหัวใจและปอด นอกจากนี้ยังมีชุดข้อมูลการออกกำลังกายและฟังก์ชันการติดตามสุขภาพ ซึ่งครอบคลุมการติดตามการเผาผลาญแคลอรี่ ความหนักของการออกกำลังกาย การติดตามการนอนหลับ อัตราการเต้นของหัวใจ และการติดตาม SpO₂ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบสภาวะสุขภาพประจำวันได้อย่างง่ายดาย13 อีกด้วย


เพื่อการใช้งานอันเป็นเลิศ Xiaomi Watch S1 Pro มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานถึง 14 วัน และเมื่อทำการชาร์จเพียง 10 นาที ก็สามารถใช้งานได้ยาวนาน 2 วันในการใช้งานทั่วไป14 ตัวอุปกรณ์มาพร้อมลำโพงอันทรงพลังและอัลกอริธึม AI ที่ตัดเสียงรบกวนช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสื่อสารได้อย่างราบรื่นและชัดเจนเมื่อทำการโทรศัพท์ผ่าน Bluetooth® ของนาฬิกา นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับแท่นชาร์จไร้สายที่สะดวกสบายที่สามารถชาร์จอุปกรณ์ได้เต็ม 100% ในเวลา 85 นาที15

  • Xiaomi Electric Scooter 4 Ultra: ขี่อย่างมั่นใจเพื่อการผจญภัย

Xiaomi Electric Scooter 4 Ultra เป็นสกู๊ตเตอร์คันแรกจากเสียวหมี่ที่มีระบบกันสะเทือนแบบคู่ (dual suspension system) โดยให้ประสบการณ์การขับขี่ที่ราบรื่นและปลอดภัยแม้ในสภาวะพื้นที่ที่ท้าทาย การเพิ่มความสูงของโครงรถร่วมกับระบบกันสะเทือนแบบคู่ขั้นสูง ผู้ขับขี่จะสามารถมองเห็นได้ดีขึ้นและทรงตัวได้ดีขึ้นแม้ในขณะที่ขับขี่บนพื้นผิวที่ไม่สม่ำเสมอ และเพื่อลดความเสี่ยงที่ยางจะระเบิด Xiaomi Electric Scooter 4 Ultra จึงติดตั้งยาง Xiaomi DuraGel ขนาด 10 นิ้วมาเพื่อป้องกันการเจาะและการรั่วซึมของยาง เพื่อรับประกันความปลอดภัยของผู้ใช้และปรับปรุงประสบการณ์การขับขี่ของผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น


Xiaomi Electric Scooter 4 Ultra ได้รับการออกแบบให้มีคุณสมบัติที่น่าประทับใจและได้รับการอัปเกรด ทำให้สามารถเร่งความเร็วได้สูงสุด 25 กม./ชม.16 และสามารถปีนทางลาดที่มีความลาดเอียง 25% ได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังมาพร้อมกำลังมอเตอร์เกียร์สูงสุด 940W17 และแบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานยาวนานเป็นพิเศษทำให้ผู้ใช้สามารถเดินทางได้ไกลถึง 70 กม.18 อย่างไร้กังวล โดยโหมด S+ ตัวใหม่สามารถเร่งความเร็วได้อย่างน่าเหลือเชื่อเพื่อการขับขี่ที่สนุกสนานและน่าตื่นเต้น


ตัวอุปกรณ์ทำจากอะลูมิเนียมที่แข็งแรงแต่น้ำหนักเบาและทนทานต่อการกัดกร่อน ทั้งยังสามารถรองรับน้ำหนักสูงสุดได้ถึง 120 กก.² ตัวสกู๊ตเตอร์มีขนาด 880 ซม.² และด้ามจับที่กว้างขึ้น 490 มม. ทำให้การออกแบบโดยรวมของสกู๊ตเตอร์นั้นมีพื้นที่ยืนที่ใหญ่ขึ้นและด้ามจับที่มั่นคงยิ่งขึ้นเพื่อประสบการณ์การขี่ที่สะดวกสบายยิ่งไปกว่าเดิม Xiaomi Electric Scooter 4 Ultra ได้รับการรับรองการป้องกันน้ำและกันฝุ่น IP5519


หมายเหตุ*

สมาร์ทโฟน

1ข้อมูลที่ทดสอบโดยห้องปฏิบัติการภายในของเสียวหมี่ เปรียบเทียบกับ Snapdragon® 8 Gen 1

2ประสิทธิภาพของ Wi-Fi 7 อาจแตกต่างกันไปตามความพร้อมของการให้บริการในแต่ละภูมิภาคและการรองรับเครือข่ายของแต่ละท้องถิ่น ฟังก์ชันนี้อาจถูกเพิ่มผ่าน OTA ตามเวลาและสถานที่ที่เหมาะสม

3ข้อมูลจากห้องปฏิบัติการเสียวหมี่ อายุการใช้งานแบตเตอรี่จริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมของเครือข่าย รูปแบบการใช้งาน และปัจจัยอื่นๆ ความจุสูงสุดของแบตเตอรี่จะลดลงตามเวลาและการใช้งานตามธรรมชาติ

4ขนาดจริงของแต่ละผลิตภัณฑ์อาจแตกต่างกันไป ข้อมูลรายละเอียดทั้งหมดขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์จริง

5อุปกรณ์ได้รับการรับรองว่ากันน้ำและกันฝุ่นโดยเป็นไปตามภายใต้เงื่อนไขของห้องปฏิบัติการ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของเสียวหมี่

AIoT

6เพื่อสัมผัสประสบการณ์ Sony’s LDAC และ Hi-Res Audio Wireless โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หน้าผลิตภัณฑ์ของเราที่ mi.com/global ทั้งนี้ LDAC เป็นเครื่องหมายการค้าของ Sony Corporation

7ข้อมูลการทดสอบความลึกของการตัดเสียงรบกวนจากสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ ประเทศจีน (National Institute of Metrology, China) Xiaomi Buds 4 Pro มีความลึก ANC ถึง 48dB ที่ช่วงความถี่ที่กำหนดเท่านั้น ผลลัพธ์จริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน

8สำหรับคุณสมบัติเสียงที่มีมิติในตัว (built-in dimensional audio feature) โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หน้าผลิตภัณฑ์ของเราที่ mi.com/global

9การทดสอบอายุแบตเตอรี่ดำเนินการโดยผู้ผลิต ทดสอบข้อมูลตามสถานการณ์จำลองในชีวิตจริง ผลลัพธ์การใช้งานที่แท้จริงอาจแตกต่างกันไป

10การเชื่อมต่ออุปกรณ์คู่ (dual-device connection) บน Xiaomi Buds 4 Pro ถูกตั้งค่าปิดการทำงานเป็นค่าเริ่มต้น โปรดดาวน์โหลดแอป Xiaomi Earbuds เพื่อเปิดใช้งาน

11การซิงค์การแจ้งเตือนทั้งหมด (Sync all notifications) รองรับเฉพาะในโทรศัพท์แอนดรอยด์เท่านั้น

12โปรดดูเว็บไซต์อย่างเป็นทางการสำหรับอุปกรณ์ที่รองรับ

13ตัวผลิตภัณฑ์และคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์นี้ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์และไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อทำนาย วินิจฉัย ป้องกัน หรือรักษาโรคใดๆ หากคุณรู้สึกไม่สบาย โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อขอความช่วยเหลือ

14ข้อมูลอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้รับการทดสอบจากห้องปฏิบัติการภายในภายใต้โหมดทั่วไป, การชาร์จเร็วรองรับเฉพาะอะแดปเตอร์ QC 3.0 เท่านั้น

15ฟังก์ชันการชาร์จเร็วแบบไร้สายของเสียวหมี่ต้องใช้กับอะแดปเตอร์ QC 3.0 เท่านั้น, อุปกรณ์สามารถชาร์จได้ถึง 100% ใน 85 นาที ผลลัพธ์นี้ได้จากการใช้ที่ชาร์จแบบไร้สายในบรรจุภัณฑ์ในการทดสอบโดยปิดหน้าจอที่อุณหภูมิห้อง 25°C ผลลัพธ์ที่แท้จริงอาจแตกต่างกันไปเนื่องจากอุณหภูมิที่แตกต่างกัน

16ความเร็วสูงสุดอาจแตกต่างกันไปตามตลาด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อบังคับของแต่ละท้องถิ่น

17ข้อมูลมาจากห้องปฏิบัติการภายในของเสียวหมี่

18ระยะทาง 70 กม. ทดสอบเมื่อชาร์จเต็มโดยมีน้ำหนักบรรทุก 75+5 กก. บนถนนที่เรียบ ขี่ด้วยความเร็วสม่ำเสมอ 15 กม./ชม. ข้อมูลที่ได้รับจากห้องปฏิบัติการภายในของเสียวหมี่ ผลลัพธ์จริงอาจแตกต่างกันไป

19สกู๊ตเตอร์ได้รับการทดสอบและรับรองว่าทนทานต่อน้ำกระเซ็นของน้ำ และฝุ่นในห้องปฏิบัติการเฉพาะ โดยมีการจัดประเภทการป้องกันน้ำเข้า IP55 ตามมาตรฐาน IEC 60335 ข้อมูลที่ได้รับจากห้องปฏิบัติการภายในของเสียวหมี่

เกี่ยวกับเสียวหมี่

เสียวหมี่ก่อตั้งขึ้นในเดือนเมษายน 2010 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Main Board of the Hong Kong Stock Exchange ในวันที่ 9 กรกฎาคม 2018 (1810.HK) เสียวหมี่เป็นบริษัทอินเทอร์เน็ตที่มีสมาร์ทโฟนและสมาร์ทฮาร์ดแวร์อัจฉริยะที่เชื่อมต่อด้วยแพลตฟอร์ม Internet of Things (IoT) เป็นแกนหลัก

ด้วยวิสัยทัศน์ของการเป็น “มิตรของผู้ใช้งานและบริษัทที่ทันสมัยที่สุดในใจผู้ใช้งานทุกคน” เสียวหมี่จึงมีความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะพัฒนานวัตกรรม ประสบการณ์การใช้งานที่ดีเยี่ยม ตลอดจนการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะไม่ลดละการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในราคาที่เป็นมิตร เพื่อให้ทุกคนบนโลกนี้สามารถเข้าถึงคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้

เสียวหมี่คือหนึ่งในบริษัทสมาร์ทโฟนชั้นนำของโลก ตามรายงานจาก Canalys ส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทในการจัดส่งสมาร์ทโฟน นั้นอยู่ในอันดับที่ 3 ของโลกในไตรมาสที่สามของปี 2565 นอกจากนี้เสียวหมี่ยังเป็นผู้นำด้านการก่อตั้งแพลทฟอร์ม AIoT (AI+IoT) ของโลกโดยมีสินค้าอัจฉริยะเชื่อมต่อกับแพลทฟอร์มกว่า 558 ล้านเครื่อง ณ วันที่ 30 กันยายน 2565 โดยยังไม่รวมสมาร์ทโฟน แล็ปท็อปและแท็บเล็ต ผลิตภัณฑ์ของเสียวหมี่มีวางจำหน่ายกว่า 100 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก และในเดือนสิงหาคม 2565 เสียวหมี่ยังติดอันดับที่ 266 บน Fortune Global 500 นับเป็นการติดอันดับครั้งที่สี่ติดต่อกัน และไต่อันดับขึ้นมาถึง 72 อันดับเมื่อเทียบกับปี 2564

เสียวหมี่เป็นส่วนหนึ่งของ Hang Seng Index, Hang Seng China Enterprises Index และ Hang Seng TECH Index

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเสียวหมี่ สามารถเข้าชมได้ที่ https://www.mi.com/global/discover/newsroom

เสียวหมี่ ประเทศไทย เปิดตัว Xiaomi 13 Series co-engineered with Leica ให้เป็นเจ้าของแล้วในราคาเริ่มต้น 29,990 บาท adslthailand.com/post/13467 #Xiaomi13Series #เสียวหมี่