13 ธ.ค. 2565 547 14

TBN ยื่นไฟลิ่งเสนอขาย IPO จำนวน 25 ล้านหุ้น เดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาด mai

TBN ยื่นไฟลิ่งเสนอขาย IPO จำนวน 25 ล้านหุ้น เดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาด mai

“บมจ. ทีบีเอ็น คอร์ปอเรชั่น หรือ TBN” ยื่นไฟลิ่ง ก.ล.ต. เตรียมเสนอขายหุ้นไอพีโอ 25 ล้านหุ้น เข้าระดมทุนตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ นำเงินขยายธุรกิจ เพิ่มศักยภาพและความสามารถในการแข่งขัน  ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในโครงการพัฒนาระบบดิจิทัลเพื่อรองรับ Digital Transformation ที่มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยมีบริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน


ปนายุ ศิริกระจ่างศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีบีเอ็น คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TBN เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวน (Filing) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก โดยมีจำนวนหุ้น IPO ทั้งหมดที่เสนอขายให้นักลงทุนครั้งนี้ จำนวน 25 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท  โดยคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) และมีบริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

การระดมทุนดังกล่าวจะนำไปใช้รองรับการเติบโตของ TBN เพิ่มความน่าเชื่อถือรวมถึงเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ทั้งนี้บริษัทฯ มีวัตถุประสงค์ในการใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจเพื่อรองรับ Digital Transformation ที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ใช้ในการเพิ่มจำนวนบุคลากร การพัฒนาระบบและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อรองรับจำนวนโครงการและจำนวนบุคลากรที่เพิ่มมากขึ้น เป็นต้น

บริษัท ทีบีเอ็น คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจให้บริการออกแบบและพัฒนาระบบดิจิทัลแบบครบวงจร บริษัทฯ เป็นผู้ให้คำปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นและพัฒนาโซลูชั่นตามความต้องการของลูกค้าโดยใช้ซอฟต์แวร์ Low-Code Development Platform (Low Code) ของ MENDIX ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้การพัฒนาแอปพลิเคชัน หรืองานดิจิทัลโซลูชั่นได้รวดเร็วกว่าการพัฒนาแบบดั้งเดิม (High Code)

ปัจจุบันบริษัทฯ เป็นตัวแทนจำหน่ายลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ MENDIX ของ Siemens รายแรกในประเทศไทย โดยปัจจุบันมีเพียงรายเดียว พร้อมด้วยประสบการณ์และทีมงานผู้เชี่ยวชาญในด้านการให้บริการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์มากว่า 15 ปี

การให้บริการของบริษัทฯ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ ดังนี้คือ

1. งานพัฒนาระบบและงานบริการเกี่ยวเนื่องแบบครบวงจร ได้แก่ งานพัฒนาระบบดิจิทัล (Digital Solution Services) งานสนับสนุนและบำรุงรักษาระบบ (Technical Support and Maintenance) และงานให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาซอฟต์แวร์ต่อยอดจากที่ได้พัฒนาและติดตั้งลงบนระบบของลูกค้า (Technical Consultancy Services)

2. งานสนับสนุนด้านเทคโนโลยี ได้แก่ การให้ใช้สิทธิ์โปรแกรม MENDIX (MENDIX License) และการให้บริการคลาวด์ (Cloud Services) โดยให้บริการให้เช่าพื้นที่บนคลาวด์จากผู้ให้บริการคลาวด์

สำหรับด้านงานพัฒนาระบบและงานบริการเกี่ยวเนื่องของบริษัทฯ ได้แก่ งานพัฒนาระบบดิจิทัล (Digital Solution Services) ธุรกิจให้บริการงานพัฒนาซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชัน หรืองานดิจิทัลโซลูชั่นตามความต้องการของลูกค้าผ่านแพลตฟอร์ม MENDIX Low-Code Platform ซึ่งจะช่วยให้นักพัฒนาสามารถผลิตแอปพลิเคชันได้เร็วกว่าการพัฒนาแบบดั้งเดิม (high code) และมีความยืดหยุ่นในการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วเพื่อช่วยร่นระยะเวลาที่แอปพลิเคชันออกสู่ตลาด (time-to-market)  โดยงานพัฒนาระบบและงานบริการเกี่ยวเนื่องเป็นบริการที่สร้างรายได้หลักให้แก่บริษัทฯ สำหรับระยะเวลาที่ใช้การพัฒนาระบกบเพื่อให้ตรงกับวัตถุประสงค์ของลูกค้านั้น ถ้าระบบไม่มีความซับซ้อนจะใช้ระยะเวลาประมาณ 4-5 เดือน แต่ถ้าระบบมีความซับซ้อนสูงระยะเวลาจะอยู่ที่ประมาณ 1 ปี ตามข้อกำหนดในสัญญา

งานสนับสนุนและบำรุงรักษาระบบ (Technical Support and Maintenance)  ให้บริการงานสนับสนุนและบำรุงรักษาระบบหลังจากที่ได้ส่งมอบงานให้กับลูกค้าภายใต้ระยะเวลาให้บริการหลังการขายตามสัญญา (MA Period) เป็นบริการดูแล และบำรุงรักษาระบบโปรแกรมให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานตลอดเวลา ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกระดับการรับบริการที่จะถูกระบุไว้ในสัญญาการให้บริการบำรุงรักษา (SLA) และระยะเวลาในการให้บริการบำรุงรักษาส่วนมากจะมีระยะเวลาประมาณ 1-5 ปี

ในงานบริการให้คำปรึกษา (Technical Consultancy Services) บริษัทให้คำปรึกษาและพัฒนาซอฟต์แวร์ต่อยอดจากระบบที่ลูกค้าได้ดำเนินการติดตั้งแล้ว เนื่องจากลูกค้าของบริษัทฯ ส่วนมากเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่และมีความต้องการในการใช้ระบบซอฟต์แวร์ค่อนข้างสูง บริษัทฯ จะให้บริการให้คำปรึกษาแก่บริษัทขนาดใหญ่ที่ดำเนินการซื้อ MENDIX License และต้องการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์เอง โดยบริษัทจะจัดการอบรบเพื่อความเข้าใจในการทำงานของ MENDIX รวมถึงมีการจัดสอบเพื่อให้นักพัฒนาของลูกค้าได้มีใบ Certificate ผ่านการรับรองจาก MENDIX ในความสามารถการพัฒนาแอปพลิเคชันผานระบบ MENDIX Low-Code Platform

ในส่วนของงานสนับสนุนด้านเทคโนโลยี คือการให้ใช้สิทธิ์โปรแกรม MENDIX (MENDIX License) โดยบริษัทฯ ได้รับแต่งตั้งจาก Siemens ให้เป็นตัวแทนจำหน่าย MENDIX อย่างเป็นทางการ (Authorized Reseller) รายแรกในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2551 บริษัทฯ เสนอ MENDIX License ให้ลูกค้าเลือกหลายแพ็กเกจเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่ม โดยพิจารณาจากจำนวนซอฟต์แวร์ที่ลูกค้ามีแผนที่จะพัฒนาและจำนวนผู้ใช้งาน (Users) เพื่อเสนอแพ็กเกจให้ตรงต่อความต้องการของลูกค้าโดยผู้ใช้งานจะต้องสมัครใช้บริการโดยเป็นสัญญารายปี

การให้บริการคลาวด์ (Cloud Services) โดยให้บริการให้เช่าพื้นที่บนคลาวด์จากผู้ให้บริการคลาวด์ชั้นนำของโลก เช่น Amazon Web Services, MENDIX Cloud รวมถึงผู้ให้บริการชั้นนำในไทย บริษัทฯ มีหน้าที่ออกแบบ Infrastructure ให้เหมาะสมตามจำนวน Users ที่คาดว่าจะเข้ามาใช้งาน การตั้งค่าระบบ (Configuration) รวมไปถึงการให้บริการบริหารจัดงานและบำรุงรักษาหลังจากที่ได้มีการ Implement ระบบให้กับลูกค้าแล้ว (Managed and Maintenance Service) เพื่อให้การทำงานของระบบ Cloud เป็นไปอย่างราบรื่น

นอกจากนี้ TBN ยังมีบริษัท บ๊อพ จำกัด (BOP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ดำเนินธุรกิจให้บริการพัฒนาซอฟต์แวร์แบบดั้งเดิม (High Code) เน้นกลุ่มลูกค้าที่ต้องการระบบซอฟต์แวร์ที่ต้องการการปรับแต่งที่สูงขึ้น การให้บริการทั้ง Low Code และ High Code เป็นกลยุทธ์ของบริษัทฯ ทำให้สามารถนำเสนองานได้ยืดหยุ่น หลากหลายตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าในการพัฒนาแอปพลิเคชัน ทั้งในแง่ ความเร็วในการพัฒนา งบประมาณ และการปรับแต่งให้ครอบคลุมตามความต้องการ  

โดย TBN มีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นผู้นำในการพัฒนาและให้บริการด้าน Digital Solutions แบบครบวงจร (One Stop Service) ที่ได้รับการยอมรับสูงสุดในเอเชีย และมีเป้าหมายในการขยายตลาดการให้บริการการพัฒนาแอปพลิเคชันของบริษัทฯ และขยายขอบเขตการขายลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ (License) ไปสู่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมหลากหลายในภูมิภาคเอเชีย


ด้าน เดือนพรรณ ลีลาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ของ TBN กล่าวถึงภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562 – 2564) รายได้จากการให้บริการของบริษัทฯ มีจำนวนเท่ากับ 130.38 ล้านบาท 215.73 ล้านบาท และ 291.19 ล้านบาท ตามลำดับ โดยมีอัตราการเติบโตร้อยละ 65.47 และร้อยละ 34.98 ตามลำดับ  และสำหรับงวด 9 เดือนแรกปี 2564 และปี 2565 เท่ากับ 198.12 ล้านบาท และ 243.96 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 45.44 ล้านบาท 87.61 ล้านบาท และ 84.04 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 34.85 ร้อยละ 40.61 และร้อยละ 28.86 ตามลำดับ และในงวด 9 เดือนของปี 2564 และปี 2565 มีกำไรสุทธิ 58.70 ล้านบาท และ 26.52 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 29.63 และร้อยละ 10.87 ตามลำดับ

“โดยรายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้นเนื่องจากลูกค้าองค์กรให้ความสำคัญด้าน Digital Transformation โดยปรับเปลี่ยนรูปแบบขององค์กรอย่างมีกลยุทธ์ มีการลงทุนเพื่อนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในทุกภาคส่วนขององค์กรมากขึ้นทั้งการพัฒนาประสิทธิภาพของกระบวนการทำงาน การพัฒนาบริการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ใช้บริการออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น ตลอดจนการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อให้สามารถนำข้อมูลของลูกค้าไปวิเคราะห์เพื่อนำไปใช้งานต่อได้หลากหลายรูปแบบและแม่นยำมากขึ้น จากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นส่งผลให้บริษัทฯ มีจำนวนลูกค้าองค์กรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจธนาคาร การเงินและประกันภัย กับกลุ่มธุรกิจค้าปลีก” เดือนพรรณ กล่าว

สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์และบริการซอฟต์แวร์ ในปี 2565-2567 ข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล คาดการณ์ว่าในปี 2565 อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์และบริการซอฟต์แวร์จะเติบโตร้อยละ 11.70 ด้วยมูลค่ารวม 183,051 ล้านบาท และคาดว่ารัฐบาลน่าจะประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจหลัง COVID-19 คลี่คลาย ที่เป็นรูปธรรม จึงทำให้เศรษฐกิจโดยรวมเริ่มมีการฟื้นตัวที่ดีขึ้นส่งผลให้ตลาดซอฟต์แวร์กลับมาเติบโต รวมทั้งวิถีการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงสถานการณ์ COVID-19 ยังคงอยู่ จึงยังมีการใช้เครื่องมือต่างๆ ในการพัฒนากระบวนการทางธุรกิจไปสู่ดิจิทัลมากขึ้น ส่งผลให้มีการใช้ซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องตามไปด้วย โดยในปี 2566 คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์จะเติบโตขึ้นร้อยละ 12.10 ด้วยมูลค่ารวมราว 205,200 ล้านบาท การดำเนินวิถีใหม่ (New Normal) ยังคงอยู่และจะคงอยู่ตลอดไป ทำให้ผู้ประกอบการต่างต้องสรรหาเครื่องมือที่จะทำให้เข้าถึงลูกค้า และตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าให้มากที่สุด ซึ่งไอทีและซอฟต์แวร์จะเป็นเครื่องมือที่สำคัญ

TBN