30 พ.ย. 2565 2,093 275

NT ประกาศความสำเร็จ NT BROADBAND ครั้งใหญ่มั่นใจปิดปี 65 ด้วยรายได้ 11,000 ล้านบาท และลูกค้าได้ใช้งานประมาณ 1.96 ล้านพอร์ต พร้อมเตรียมทำเน็ต DIY สั่งแบนด์วิดท์ได้เอง

NT ประกาศความสำเร็จ NT BROADBAND ครั้งใหญ่มั่นใจปิดปี 65 ด้วยรายได้ 11,000 ล้านบาท และลูกค้าได้ใช้งานประมาณ 1.96 ล้านพอร์ต พร้อมเตรียมทำเน็ต DIY สั่งแบนด์วิดท์ได้เอง

บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ประกาศความสำเร็จจากการสร้างฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น 1 เท่าตัวในระยะเวลาอันรวดเร็ว โดยเป็นความสำเร็จหลังการควบรวมกิจการ ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านบริการคลาวด์ครบวงจรรายใหญ่ของประเทศไทย พร้อมพัฒนาขยายระบบเครือข่ายครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ทั้งโครงข่ายท่อ เสาสาย และคลื่นความถี่ที่มีศักยภาพ ชูแนวคิดการผลักดันบริการ IoT อย่างครบวงจร ทั้งในภาคอุตสาหกรรม ราชการ ครัวเรือน และบริการอื่นๆ ผ่านกลยุทธ์การจัดสรรแพ็กเกจโปรโมชั่นที่ถูกต้องตรงใจผู้ใช้งานในราคาที่เหมาะสม สร้างความประทับใจด้านการบริการคุณภาพดีเยี่ยม รวมถึงการสรรหาพันธมิตรเพื่อเข้าร่วมพัฒนาบริการในรูปแบบต่างๆ ในลักษณะโซลูชันใหม่แบบครบวงจร พร้อมนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาพัฒนาการบริการเพื่อผู้ใช้งานให้ดียิ่งขึ้นสอดรับโลกแห่งดิจิทัลในอนาคต มั่นใจจบปี 2565 ด้วยรายได้ 11,000 ล้านบาท และลูกค้าได้ใช้งานประมาณ 1.96 ล้านพอร์ต


ที่สำนักงานใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) จัดงานแถลงข่าวประกาศความสำเร็จในช่วงประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา หลังการควบรวมกิจการระหว่าง บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือ TOT และ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT ภายใต้ชื่องานว่า “Enjoy Life Enjoy Together” รวมถึงการเผยความพร้อมและทิศทางการดำเนินงาน พร้อมนำนวัตกรรมใหม่มาพัฒนาระบบและเครือข่ายในอนาคต ตอบโจทย์ทั้งทางรายได้และการให้บริการคุณภาพแก่ประชาชน เพื่อนำพาประเทศไทยไปสู่ยุคแห่งดิจิทัลโดยแท้จริง


จำเนียร แพทย์กิจ ผู้จัดการฝ่ายตลาดผลิตภัณฑ์โทรศัพท์และบรอดแบนด์ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT กล่าวว่า “ผลจากการควบรวมทำให้ NT มีโครงข่ายหลักที่ครอบคลุมมากที่สุดในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นโครงข่ายท่อ เสา สาย โดยเฉพาะคลื่นความถี่ที่มีศักยภาพ จึงทำให้ NT มีสัญญาณที่มีความเสถียรสูง ตอบทุกโจทย์การใช้งาน ทั้งภาคอุตสาหกรรม ราชการ และประชาชน โดยเฉพาะภาคธุรกิจจะไร้ซึ่งปัญหาในเรื่องการดำเนินงานต่างๆ โดยเฉพาะการรับส่งข้อมูลขนาดใหญ่ที่สามารถทำได้รวดเร็ว หรือปัญหาข้อมูลตกหล่นระหว่างทาง ซึ่งจะทำให้การทำงานมีปัญหา แต่ความเสถียรของโครงข่ายเราจะทำให้ปัญหาตรงนี้หมดไปโดยสิ้นเชิง จากข้อได้เปรียบตรงนี้ จึงทำให้ NT มีศักยภาพในการนำทรัพยากรต่างๆ มาให้บริการได้อย่างต่อเนื่องหลากหลาย ทั้งระบบสายและระบบไร้สาย เพื่อพร้อมสำหรับอนาคตในการมุ่งสู่การให้บริการ IoT (Internet of Things) อย่างครบวงจร รวมถึงการนำบริการต่างๆ มาเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนโครงการต่างๆ ของภาครัฐ ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันยุทธศาสตร์ชาติให้เป็นไปตามเป้าหมาย”


“ความสำเร็จในปีที่ผ่าน NT สามารถเพิ่มฐานลูกค้าได้ในระยะเวลาอันรวดเร็วเพียงแค่หนึ่งปีเศษหลังการควบรวมกิจการ โดยเพิ่มขึ้นถึง 1 เท่าตัว ซึ่งจะเป็นโอกาสในการขยายฐานลูกค้าบรอดแบนด์ด้วยการนำเสนอโปรย้ายค่าย พร้อมกับมาตรการ Special Discount การ Upsell/Cross Sell เพื่อรักษาฐานลูกค้าเก่าและสร้างลูกค้าใหม่ รวมถึงการยกระดับคุณภาพการบริการ ด้วยเซอร์วิสที่เรียกว่า Internet Expert NOC ซึ่งเป็น Core Business หนึ่งที่เราใช้ความใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะถือว่าเป็นบริการหลังการขายที่เราจะดูแลลูกค้าอย่างใส่ใจและเต็มประสิทธิภาพที่สุด สำหรับลูกค้า Business ด้วย Special Team ที่รับตรวจสอบเหตุขัดข้องทั่วประเทศ พร้อมทั้งยังมีทีมงานเข้าไปบำรุงรักษา แก้ไขปัญหาการทำงานระบบของ NT รวมทั้งการตรวจสอบเกี่ยวกับแอปพลิชันที่ลูกค้าใช้งาน โดยจะติดตามงานอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะสามารถแก้ปัญหาและระบบใช้งานได้ปกติ พร้อมทั้งให้คำปรึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับการใช้งานอินเตอร์เน็ต ตลอด 7 วัน 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการยับยั้งการยกเลิกบริการ”


“พร้อมกันนี้ NT ยังมีการเตรียมความพร้อมในการนำเอานวัตกรรมใหม่มาให้บริการแก่ประชาชน ด้วยการสรรหาพันธมิตรเพื่อร่วมกันพัฒนาบริการในรูปแบบต่างๆ ในลักษณะโซลูชันที่ครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น Security Healthcare e-commerce Solution ต่อยอดบริการด้วยอุปกรณ์ IoT และหรือ Digital Platform ในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้เกิดประสบการณ์ในการรับบริการแบบเอ็กซ์คลูซีฟแก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย” จำเนียร กล่าวปิดท้าย

สำหรับเป้าหมายของ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ในปี 2565 นั้น NT BROADBAND ตั้งเป้าหมายรายได้ที่ 11,000 ล้านบาท โดยลูกค้าจะได้ใช้งาน ประมาณ 1.96 ล้านพอร์ต อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอุตสาหกรรมโทรคมนาคมจะได้รับผลกระทบบ้างจากสภาพเศรษฐกิจ แต่ยังนับเป็นอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบไม่มากเนื่องจากยังเป็นธุรกิจที่มีความจำเป็นในยุคดิจิทัล จึงสร้างความแกร่งได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่  


ภายหลังการแถลงข่าว ยังมีในส่วนของการเติมเต็มความรู้ทิศทางการทำธุรกิจอนาคต จากผู้เชี่ยวชาญด้านอีคอมเมิร์ซคนสำคัญ ได้แก่ คุณป้อม-ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ บริษัท TARAD.com ในหัวข้อ “อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ปัจจัยสำคัญของธุรกิจในยุคดิจิทัล (Digital Transformation)” เพื่อเป็นการศึกษาและเตรียมความพร้อมการทำงานและการทำธุรกิจยุคดิจิทัล ที่มีความเร็วแรงและความเสถียรของอินเทอร์เน็ตเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางแห่งชัยชนะในสมรภูมิการแข่งขันอีคอมเมิร์ซยุคนี้ด้วย