14 ก.ย. 2565 464 32

Conicle เปิดบ้าน มุ่งสร้าง Solution การเรียนรู้แบบครบวงจร แนวคิด Everyday Learning Experience เสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจให้กับองค์กร พร้อมต่อยอด HRTech สู่ PeopleTech รองรับเทรนด์ Lifelong Learning

Conicle เปิดบ้าน มุ่งสร้าง Solution การเรียนรู้แบบครบวงจร แนวคิด Everyday Learning Experience เสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจให้กับองค์กร พร้อมต่อยอด HRTech สู่ PeopleTech รองรับเทรนด์ Lifelong Learning

“Conicle” สตาร์ทอัพ Series A สัญชาติไทย ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มและโซลูชันด้านการเรียนรู้สำหรับองค์กร เดินหน้าพลิกโฉมโมเดลแห่งการเรียนรู้และพัฒนาบุคลากรยุคดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ด้วยการสร้าง Solution การเรียนรู้แบบครบวงจรตอบโจทย์ลูกค้าองค์กรและบุคคลทั่วไป พร้อมสร้างน่านน้ำธุรกิจใหม่จาก HRTech ต่อยอดสู่ PeopleTech ตั้งเป้าเติบโต 10 เท่าในอีก 5 ปีข้างหน้า


ปูน – นกรณ์ พฤกษ์พิพัฒน์เมธ CEO & Co-Founder, Conicle หรือ บริษัท โคนิเคิล จำกัด กล่าวว่า ในอนาคตการเรียนรู้จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้คน ที่สำคัญการเรียนรู้จะต้องเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา ทำให้ตลาดเติบโตอย่างต่อเนื่อง และยิ่งโตแบบก้าวกระโดดหลังเกิดเหตุการณ์โรคระบาดจากเชื้อไวรัสโควิด-19 เช่นเดียวกับ Conicle ที่เติบโตเท่าตัวในทุกๆ ปี ตลอด 8 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท

“ปัจจัยที่ทำให้ Conicle ประสบความสำเร็จตลอด 8 ปีที่ผ่านมา เพราะเราเป็นผู้ให้บริการ Learning Platform และ People Transformation Solution ที่มุ่งมั่นสร้างประสบการณ์การเรียนรู้แนวใหม่ ภายใต้แนวคิด Conicle Everyday Learning Experience เพราะเราเชื่อว่าการสร้างประสบการณ์เรียนรู้ที่ดี ต้องเกิดจากการเรียนที่เข้าถึงง่าย สนุก และไม่น่าเบื่อ เราจึงพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อทำให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รองรับกับชุดความรู้และทักษะใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้ามุ่งไปสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้หรือ Learning Organization”

จุดแข็งของ Conicle คือเป็นรายเดียวในตลาดที่นำเสนอ Total Learning Solutions เจาะกลุ่ม B2B ตอบโจทย์ลูกค้าองค์กร โดยครอบคลุม 3 บริการ ได้แก่ 


1. แพลตฟอร์มการเรียนรู้ (Learning Experience Platform) เป็น Software as a Service ให้ลูกค้าองค์กรสามารถบริหารจัดการด้านการเรียนรู้ให้พนักงานภายในองค์กรได้ด้วยตัวเอง พร้อมกับการสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดี ง่าย สนุก และไม่น่าเบื่อ นอกจากทำให้พนักงานสามารถเรียนรู้ที่ไหนเมื่อไรก็ได้ ยังมีระบบติดตามความสำเร็จจากการเรียนและวัดผลการเรียนรู้อีกด้วย 

2. คอนเทนต์การเรียนรู้ (Learning Experience Content) ในหลากหลายช่องทางผสมผลานทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ (Blended Learning Program) โดยทำงานร่วมกับ Content Providers กว่า 60 ราย ประกอบด้วย วิทยากร ผู้บริหารระดับสูง สถาบัน อาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญ และอินฟลูเอนเซอร์ ที่มีความรู้ความชำนาญเฉพาะด้านครอบคลุมลักษณะงานในตำแหน่งต่างๆ หลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งออกแบบบนพื้นฐานของ Framework การออกแบบประสบการณ์การเรียนรู้ พร้อมตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรในการพัฒนาบุคลากร ตามบริบทของแต่ละองค์กรรายอุตสาหกรรม ความต้องการเฉพาะของแผนกหรือเป้าหมายการเรียนรู้รายบุคคล 

3. บริการที่ปรึกษาให้คำแนะนำและออกแบบการเรียนรู้ (Learning Experience Service) เพื่อสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดีตามความต้องการขององค์กรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดตามเป้าหมายการเรียนรู้ อาทิ การทำ Change Management, Competency-Base Development, Learning Engagement, Test and Assessment Design, Internal Communication, Content Design และ Production Service เป็นต้น

“เราเน้นทำงานร่วมกับลูกค้าเพื่อสร้างความมั่นใจว่าแพลตฟอร์มของเรา จะเข้าไปพัฒนาหรือเสริมความแข็งแกร่งให้กับลูกค้าได้จริง หรือหาแนวทางให้ลูกค้าใช้แพลตฟอร์มของเราให้เกิดประโยชน์สูงสุด” ปูน – นกรณ์ กล่าวเสริม


ไต้ฝุ่น – นภสินธุ์ เสือดี Product Excellence Lead, Conicle กล่าวถึง Conicle ได้ออกแบบแพลตฟอร์มที่สามารถใช้งานได้ง่ายและมีรูปแบบสวยงาม โดยคำนึงถึงการใช้งานของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งคลังคอนเทนต์ และแผนการเรียนที่เหมาะกับ Career Path แบบ Personalize Learning ให้กับพนักงานที่เป็นผู้เรียน และสามารถวัดผลการเรียนรู้ของแต่ละบุคคลผ่านระบบ Dashboard Analytics ที่ทำให้ผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ HR หรือหัวหน้างาน สามารถวัด Return on Development ซึ่งเป็นข้อมูลเพื่อใช้ในการพัฒนาบุคลากรรายบุคคล (IDP - Individual Development Plan) เพิ่มเติมต่อไปในอนาคต 


ดิน – อนพัทย์ วิมลประภาพร CTO & Co-Founder, Conicle กล่าวเสริมว่า ในขณะเดียวกันกับที่ Conicle ได้ออกแบบระบบการเรียนรู้ที่ใช้งานได้ง่ายให้แก่ผู้เรียนและผู้ใช้งานระบบแล้ว ก็ได้ออกแบบ Platform Architecture ด้วยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ ผสานกับหลักการของ Data Driven ที่สามารถจัดเก็บข้อมูลผลการเรียนรู้ของพนักงานเพื่อนำไปวิเคราะห์ต่อยอด นอกจากนี้ Conicle ยังได้มีการใช้ระบบเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยของข้อมูลบนแพลตฟอร์ม และปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้เรียนและขององค์กรด้วยเช่นกัน


หมี - มนัส มกรากุล Academy Lead, Conicle กล่าวว่า เรามุ่งที่จะพัฒนาหลักสูตรเพื่อให้ตรงกับโจทย์ของความต้องการขององค์กรได้อย่างครอบคลุม ซึ่งโจทย์ก็จะแตกต่างกันไปตามอุตสาหกรรม เช่น ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจธนาคาร ธุรกิจประกัน ธุรกิจโทรคมนาคม หรือธุรกิจพลังงาน โดยสามารถออกแบบ Journey การเรียนรู้ตามโจทย์ที่มีความหลากหลายได้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนให้มี Competency ที่ตอบโจทย์ในแผนกนั้นๆ หรือการพัฒนาตัวเองเพิ่มเติมเพื่อการเติบโตในสายงาน หรือ Upskill / Reskill ให้เหมาะกับความต้องการขององค์กรตามสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป

นอกจากนี้ ปีที่ผ่านมา Conicle ได้เปิดตัวบริการสำหรับกลุ่ม B2C ภายใต้ชื่อ ConicleX ให้ลูกค้าทั่วไปที่สนใจ สามารถสมัครเรียนตามคอนเทนต์ที่ตนเองสนใจผ่าน www.ConicleX.com 

Conicle Team กล่าวเสริมว่า ปัจจุบัน Conicle มีลูกค้าองค์กรกว่า 100 บริษัท จากหลายอุตสาหกรรมทั้งโทรคมนาคม พลังงาน ธนาคาร และธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ มีผู้ใช้งานรวมประมาณ 1 ล้านคน โดยแต่ละเดือนจะมี Active User มากถึง 3 แสนราย ที่สำคัญตลอด 8 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้ง เรามีคนที่เข้ามาเรียนรู้ผ่านแพลตฟอร์มและคอนเทนต์ของเรา มากกว่า 10 ล้านชั่วโมงการเรียนรู้ ซึ่ง Conicle รู้สึกภาคภูมิใจ เพราะได้เป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับการเรียนรู้และการพัฒนา ‘คน’ ให้กับองค์กรและสังคมไทย  


สำหรับเป้าหมายการทำงานในอีก 3-5 ปีข้างหน้า คุณปูน – นกรณ์ กล่าวว่า Conicle มุ่งมั่นที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงในตลาด Lifelong Learning โดยนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามารองรับ Mega Trend ดังกล่าว โดยตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำตลาดลูกค้าองค์กรภายในประเทศ และขยายสู่กลุ่มลูกค้าทั่วไป (Mass) ได้อย่างเต็มตัวในอนาคต จากนั้นวางแผนที่จะ Scale up ไปต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเวียดนามและอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีดีมานด์สูงกว่าประเทศไทย โดยคาดว่าภายใน 5 ปี Conicle จะเติบโตเพิ่มอีก 10 เท่า จากรายได้ในปีที่ผ่านมา 100 ล้านบาท

“Lifelong Learning เป็นตลาดที่ใหญ่มาก และเป็นตลาดเกิดใหม่ที่ไม่ได้เข้าไปทดแทนตลาดเก่า เพราะโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว มีสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นแม้แต่คนที่จบการศึกษาในระดับปริญญาตรีไปแล้ว ก็ยังต้องกลับมา Up-skill / Re-skill ตลอดเวลาเช่นกัน ในอนาคตเรามองเห็นโอกาสที่จะสร้างน่านน้ำธุรกิจใหม่ได้อีกมากมาย จาก HRTech ต่อยอดเป็น PeopleTech โดยพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเข้าไปยกระดับผู้คนในกลุ่มวัยทำงาน” ปูน – นกรณ์ กล่าวทิ้งท้าย