6 ก.ย. 2565 590 0

คลาวด์เซค เอเซีย จับมือ หัวเว่ย ประเทศไทย ร่วมสร้างบุคลากร Cloud Security รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมขยายตัวในอนาคต

คลาวด์เซค เอเซีย จับมือ หัวเว่ย ประเทศไทย ร่วมสร้างบุคลากร Cloud Security รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมขยายตัวในอนาคต

บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (MoU) กับ บริษัท คลาวด์เซค เอเซีย จำกัด ในการต่อยอดเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยบนคลาวด์ เพื่อตอบโจทย์ความปลอดภัยในการย้ายข้อมูลขึ้นไปไว้บนคลาวด์ของภาคอุตสากรรม พร้อมร่วมกันสนับสนุนด้านการศึกษาในการผลิตบุคลากรด้าน Cloud Security ผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางด้านการพัฒนาบุคคลกรด้าน Cloud Cyber Security ต่อไป

พิธีลงนามฯ ดังกล่าว ได้รับเกียรติจาก กฤษณยศ บูรณะสัมฤทธิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท คลาวด์เซค เอเซีย จำกัด และ ปิยะธิดา อิทธิระวิวงศ์ ประธานกรรมการ แผนกธุรกิจคลาวด์ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่(ประเทศไทย)จำกัด เป็นผู้ลงนาม โดยมี ดร.วารินทร์ แคร่า ประธานเจ้าหน้าที่ สายงานยุทธศาสตร์องค์กร บริษัท คลาวด์เซค เอเซีย จำกัด  และคุณ สุนิตา อรุณแสงโรจน์ จาก รอง รองประธานกรรมการ แผนกธุรกิจคลาวด์ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่(ประเทศไทย)จำกัด ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีฯ 

ภายใต้บันทึกข้อตกลงดังกล่าว หัวเว่ยจะให้คำปรึกษาในด้านโซลูชันคลาวด์ต่างๆ รวมถึงเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ และบริการคลาวด์ล่าสุด ให้กับคลาวด์เซค เอเซีย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การบริการ บุคคลากร ให้แก่ลูกค้า ในขณะเดียวกันบริษัท คลาวด์เซค เอเซีย พัฒนา Cyber Security Solution ให้กับหัวเว่ยคลาวด์ เพื่อรองรับการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมที่จะขยายตัวมากขึ้นในอนาคต

กฤษณยศ บูรณะสัมฤทธิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท คลาวด์เซค เอเซีย จำกัด (Cloudsec Asia) บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันภัยทางไซเบอร์และการวางระบบคลาวด์แบบครบวงจร  กล่าวว่า “คลาวด์เซค เอเซีย ได้นำมิติความปลอดภัยทางไซเบอร์ทั้ง 3 มิติมาประยุกต์รวมกัน สร้างเป็นบริการที่แตกต่างครอบคลุมแบบ End-to-end มากกว่าที่จะทำหน้าที่เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยทุกบริการสามารถปรับได้ตามความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการตรวจจับเพียงอย่างเดียว หรือการตรวจจับพร้อมป้องกัน ก็สามารถทำได้แบบ Made to order ด้วยความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีชั้นสูง เราจึงสามารถออกแบบบริการได้อย่างหลากหลาย เพื่อให้เหมาะสมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนทุกขนาด ตั้งแต่กิจการขนาดเล็กแบบเอสเอ็มอีไปจนถึงบริษัทมหาชน บริษัท คลาวด์เซค เอเซีย กำลังวางแผนที่จะขยายธุรกิจด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ให้ครอบคลุมไปยังกลุ่มประเทศ CLMV (Cambodia-Laos-Myanmar-Vietnam) ด้วย เนื่องจากบริการด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้นับวันจะยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะโลกดิจิทัลใกล้ตัวและเชื่อมโยงผู้คนมากกว่าที่เคยเป็นมา โดยการร่วมมือกับ หัวเว่ยในครั้งนี้ ทางเรามั่นใจว่าจะสามารถร่วมกันผลิตบุคลากร รวมถึงพัฒนานวัตกรรมด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อโชว์ศักยภาพของ ประเทศไทยให้เป็นผู้นำด้าน Cyber Security” 


ดร.วารินทร์ แคร่า ประธานเจ้าหน้าที่ สายงานยุทธศาสตร์องค์กร บริษัท คลาวด์เซค เอเซีย จำกัด กล่าวว่า “ปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะภาครัฐหรือเอกชน ต่างเริ่มย้ายข้อมูลไปสู่ คลาวด์มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่เป็นฮาร์ดแวร์ กลายเป็นต้นทุนที่สิ้นเปลืองที่สุดอย่างหนึ่ง ดังนั้นการย้ายข้อมูลขึ้นไปอยู่บนคลาวด์ จึงเป็นสิ่งที่ลดต้นทุนเหล่านี้ลงได้ แต่สิ่งที่ต้องตามมาคือ “การรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์” (Cloud Security) ซึ่งเป็นสิ่งที่ คลาวด์เซค เอเซีย มีความเชี่ยวชาญสูงสุด โดยสามารถดูแลได้ทั้งในเรื่อง Posture ไปจนถึง Cloud Compliance and Risk แบบครบวงจร ทั้งบน  Public Cloud และ Private Cloud โดยการร่วมมือกับทาง หัวเว่ย เทคโนโลยี่ ในครั้งนี้ นับเป็นการเริ่มต้น ที่จะ ทำให้การเดินหน้าเพื่อเป็นผู้นำในด้าน Cloud Security เติบโตได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยประชาชน ลูกค้า และผู้ที่ใช้บริการ จะได้รับประสบการณ์ที่ ดีและปลอดภัยที่สุดในการ ใช้บริการคลาวด์ และรองรับ ผู้ประกอบการทุกท่านเข้าสู่ยุค Digital transformation อย่างเต็มตัว และมั่นคง” 


เบนสัน ฉิน ประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายธุรกิจคลาวด์ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่(ประเทศไทย)จำกัด กล่าวว่า “หัวเว่ยให้ความสำคัญมากในด้านของ Cloud Security เป็นอันดับต้นๆ เรามีทีมนักวิจัยและนักพัฒนามากกว่าครึ่งนึงของพนักงานที่มุ่งมั่นที่จะพัฒนาเทคโนโลยีให้ก้าวขึ้นไปในระดับที่สูงขึ้น จากประสบการณ์ด้าน Security มากกว่า 30 ปีผสมผสานแนวทางการปฏิบัติด้าน Cloud Security การปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับ มาตรฐานและข้อกำหนดด้านความปลอดภัยบนคลาวด์ เรายึดถือและให้คำมั่นสัญญามาโดยตลอดว่าเราจะพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจจากการใช้บริการที่หัวเว่ยคลาวด์ ในด้านการฝึกอบรมทางหัวเหว่ยคลาว์ได้มีการจัดหลักสูตรที่ช่วยแนะนำตั้งแต่การเริ่มใช้งานไปจนถึงหลักสูตรเฉพาะทางเพื่อเป็นการวางรากฐาน และเสริมสร้างทักษะทางเทคนิคของผู้เข้าฝึกอบรมผ่านช่องทางออนไลน์ โดยพื้นที่ตรงนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของการสร้าง และพัฒนาบุคคลากรต่อไป” 

นอกจากจะเป็นการพัฒนาระบบ Cloud Security Solution บนหัวเว่ยคลาวด์ในประเทศไทยแล้ว  ยังมุ่งมั่นร่วมกันป้องกัน และรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้กับลูกค้า ทุกกลุ่มอุตสาหกรรมในภูมิภาคเอเซีย เพื่อลดความเสียหายจากอาชญากรรมทางอิเลคทรอนิค พร้อมทั้งขยายตลาด เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการของทุกภาคอุตสาหกรรมที่เข้ามาใช้บริการ คลาวด์ ซึ่งนับวันก็จะยิ่งขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งการร่วมกันพัฒนาการศึกษา ด้านคลาวด์ซีเคียวริตี้ โดยมุ่งเน้นในการให้ความรู้ และพัฒนาบุคลากรของไทย ให้มีพร้อมในการทำงาน และสามารถรองรับทุกความต้องการของภาคธุรกิจด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์บนคลาวด์ที่กำลังขยายตัวเพิ่มขึ้น เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางด้านการพัฒนาบุคคลกรด้าน Cloud Cyber Security ต่อไป 


นอกจากนี้หัวเว่ยยังจัดงาน HUAWEI CONNECT 2022 กรุงเทพฯ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 19-21 กันยายน พ.ศ. 2565 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ งานนี้เปิดโอกาสให้คนที่สนใจเทคโนโลยีร่วมหารือเกี่ยวกับความท้าทายและโอกาสที่เกิดขึ้นจากอุตสาหกรรมดิจิทัล สำรวจว่าเทคโนโลยีอย่างคลาวด์, AI และ 5G ที่ช่วยสร้างความปลอดภัยให้กับองค์กรและอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผลิตภัณฑ์และโซลูชัน ICT ใหม่ล่าสุดที่นำมาจัดแสดงซึ่งมีนวัตกรรมที่ก้าวล้ำที่จะช่วยพัฒนายกระดับของอุตสาหกรรมให้ก้าวไกลมากยิ่งขึ้น สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมสามารถลงทะเบียนได้ผ่าน app.events.huawei.com/hc2022/area/en/offline-sign   ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.huawei.com/en/events/huaweiconnect/global  

เกี่ยวกับหัวเว่ย  

หัวเว่ย ผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) และสมาร์ทดีไวซ์ ด้วยโซลูชันที่ผสมผสานในสี่กลุ่มหลัก คือ เครือข่ายโทรคมนาคม, ไอที, สมาร์ทดีไวซ์ และบริการคลาวด์ บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาสู่การใช้งานทุกระดับเพื่อทุกผู้คน ทุกครัวเรือน และทุกองค์กร เพื่อขับเคลื่อน โลกอัจฉริยะที่เชื่อมโยงถึงกันอย่างเต็มรูปแบบ ผลิตภัณฑ์ โซลูชันและบริการที่ครบวงจรของหัวเว่ยเปี่ยมด้วยศักยภาพด้านการแข่งขันและเชื่อถือได้ จากการทำงานร่วมกับพันธมิตรในระบบนิเวศแบบเปิด หัวเว่ยสามารถสร้างมูลค่าระยะยาวให้กับลูกค้า เสริมสมรรถนะของผู้คน ช่วยให้การใช้ชีวิตที่บ้านมีความสะดวกสบาย และสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดนวัตกรรมในองค์กร ทุกรูปแบบและทุกขนาด

นวัตกรรมของหัวเว่ยเน้นตอบสนองตามความต้องการของลูกค้า เราทุ่มงบประมาณจำนวนมหาศาลในด้านการวิจัย เน้นค้นหานวัตกรรมด้านเทคนิคใหม่ๆ ที่จะช่วยขับเคลื่อนโลกของเราให้ก้าวไปข้างหน้า ด้วยพนักงานกว่า 194,000 คน ดำเนินธุรกิจในกว่า 170 ประเทศทั่วโลก หัวเว่ยก่อตั้งขึ้นในปี 2530 และเป็นบริษัทเอกชนที่มีพนักงานเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมด    

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของหัวเว่ย ได้ที่ www.huawei.com