11 ส.ค. 2565 2,454 5

ครั้งแรกกับการเดินทางไปสิงคโปร์ด้วยรถยนต์ไฟฟ้า บนเส้นทาง 4,100 กิโลเมตร กับบีเอ็มดับเบิลยู iX3

ครั้งแรกกับการเดินทางไปสิงคโปร์ด้วยรถยนต์ไฟฟ้า บนเส้นทาง 4,100 กิโลเมตร กับบีเอ็มดับเบิลยู iX3

(ในภาพจากซ้าย)

1. กฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย

2. ปรีชา นินาทเกียรติกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย

3. วิเนต องค์เนกนันต์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด B2C ประเทศไทย บริษัท สยามมิชลิน จำกัด

4. วสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าฝ่ายงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)         

5. มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย

6. อู๋ อติชาญ เชิงชวโน

7. ซู่ชิง จิตต์สุภา ฉิน

ด้วยกระแสยานยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในปัจจุบัน และกลายเป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์ของโลก รวมถึงในประเทศไทยที่มีความต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น แต่ก็ยังคงมีความกังวลถึงเครือข่ายสถานีชาร์จ การใช้งานเครื่องชาร์จและแอปพลิเคชัน สิ่งอำนวยความสะดวกระหว่างรอชาร์จ และข้อจำกัดอีกมากมายที่อาจเกิดขึ้นหากต้องเดินทางไกล ซึ่งผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าตัวจริงแสดงให้เห็นว่า ข้อกังวลเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นหากมีการวางแผนอย่างดี กับบทพิสูจน์ที่ถือเป็นความท้าทายในการเดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้าข้ามพรมแดนสามประเทศในระยะเวลา 10 วัน โดย อู๋ - อติชาญ เชิงชวโน เจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู iX3 ได้ร่วมกับบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เปิดประสบการณ์การเดินทางไร้มลพิษ กับครั้งแรกของการขับรถยนต์ไฟฟ้าบนเส้นทางกรุงเทพฯ – สิงคโปร์ – กรุงเทพฯ รวม 4,100 กิโลเมตร สร้างอีกหนึ่งหมุดหมายครั้งประวัติศาสตร์สู่อนาคตแห่งการขับเคลื่อนผ่านสมรรถนะอันทรงพลัง ระยะทางการขับขี่ และความสะดวกสบายอันเหนือชั้นของรถยนต์อเนกประสงค์ Sports Activity Vehicle พลังงานไฟฟ้า 100% อย่างบีเอ็มดับเบิลยู iX3

มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “เราตื่นเต้นและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางข้ามพรมแดนระหว่างประเทศไทย-สิงคโปร์ด้วยรถยนต์ไฟฟ้าเป็น ครั้งแรก การเดินทางครั้งสำคัญของคุณอติชาญครั้งนี้ คือปรากฏการณ์ใหม่ที่ปลดล็อคความเป็นไปได้ไม่รู้จบของการเดินทางด้วยยนตรกรรมไฟฟ้า เป็นบทพิสูจน์ที่จะช่วยขจัดข้อกังวลต่าง ๆ เกี่ยวกับการเดินทางระยะไกลด้วยรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มประสิทธิภาพและสะดวกสบายตลอดเส้นทาง” 

“และที่สำคัญ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นในการผลักดันยนตรกรรมไฟฟ้าในสังคมไทย โดยเราได้ร่วมมือกับพันธมิตรในการขยายเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสาธารณะ ให้เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าบีเอ็มดับเบิลยูและมินิสามารถเข้าถึง 600 หัวจ่าย ในกว่า 295 แห่งทั่วประเทศ และด้วยรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ทั้ง 4 รุ่นที่เรานำเสนอแก่ลูกค้าชาวไทย ไม่ว่าจะเป็น บีเอ็มดับเบิลยู iX3 บีเอ็มดับเบิลยู iX บีเอ็มดับเบิลยู i4 และมินิ คูเปอร์ เอสอี ได้นำเราสู่อีกหนึ่งความสำเร็จในการครองส่วนแบ่งตลาดยานยนต์ไฟฟ้ากลุ่มพรีเมียมสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งที่ 37.7% ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2565 โดยภายในปลายปีนี้ ลูกค้าในประเทศไทยจะได้สัมผัสยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าจากบีเอ็มดับเบิลยูครบทุกเซกเมนต์ เป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ว่าบีเอ็มดับเบิลยูยังคงยืนหยัดสนับสนุนทุกความท้าทายที่จะนำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และมุ่งส่งเสริมอนาคตแห่งการขับเคลื่อนเพื่อการขับขี่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนอย่างแท้จริง”

อู๋ อติชาญ เชิงชวโน ได้กล่าวถึงประสบการณ์การขับขี่บีเอ็มดับเบิลยู iX3 ข้ามพรมแดนครั้งนี้ว่า “การเดินทางครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นเพราะอยากสร้างแรงบันดาลใจว่า การขับรถในระยะทางไกลด้วยพลังงานไฟฟ้าเป็นไปได้จริง โดยสามารถขับข้ามไปต่างประเทศได้แบบไม่มีขีดจำกัดใด หากศึกษาข้อมูลและวางแผนเส้นทางอย่างรอบคอบ การนำบีเอ็มดับเบิลยู iX3 มาทำภารกิจนี้ก็พิจารณาจากหลาย ๆ องค์ประกอบ ทั้งสมรรถนะ เทคโนโลยีต่าง ๆ ขนาดของรถซึ่งมีความเหมาะสมกับการขนสัมภาระในทริปนี้อย่างมาก ช่วยให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกสบาย"


อู๋ อติชาญ เชิงชวโน (ขวา) และซู่ชิง จิตต์สุภา ฉิน (ซ้าย) เดินทางถึงประเทศสิงคโปร์ด้วยรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู iX3

อู๋ แบ่งปันประสบการณ์เพิ่มเติมว่า ก่อนเดินทางได้ศึกษาเกี่ยวกับเครือข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้าในแต่ละประเทศอย่างละเอียด ทำให้เห็นว่าปัจจุบัน ทั้งสามประเทศมีความพร้อมในด้านยนตรกรรมไฟฟ้า สถานีชาร์จไฟฟ้ามีตลอดทางตั้งแต่ประเทศไทยไปจนถึงปลายทางที่ประเทศสิงคโปร์ สะท้อนถึงวิสัยทัศน์และแนวคิดสนับสนุนการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าของแต่ละประเทศที่มีมากขึ้น แม้ว่าในแต่ละประเทศจะมีกฎระเบียบสำหรับการใช้สถานีชาร์จไฟฟ้าต่างกันบ้าง แต่ในภาพรวมก็ยังมีการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างมาก ช่วยให้เจ้าของรถยนต์ได้ใช้บริการและพักผ่อนระหว่างการชาร์จไฟฟ้าได้อย่างสะดวกสบาย ในขณะที่ประเทศสิงคโปร์มีสถานีชาร์จไฟฟ้าทุกหนแห่ง จึงไม่ต้องกังวลเรื่องกำลังไฟในแบตเตอรี่  


การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศมาเลเซีย

นอกจากนี้ อู๋ยังกล่าวว่ารถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู iX3 เป็นคู่หูสำคัญที่ทำให้การเดินทางครั้งนี้เป็นไปได้ด้วยดี ด้วยการเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ SAV ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า พร้อมเทคโนโลยีระบบชาร์จใหม่ล่าสุด หากใช้ไฟฟ้ากระแสสลับ สามารถชาร์จด้วยระบบไฟแบบ 1 เฟส และ 3 เฟส ได้สูงสุด 11 กิโลวัตต์ และหากชาร์จแบบรวดเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง จะรับพลังงานได้สูงสุด 150 กิโลวัตต์ แบตเตอรี่แรงดันสูงในบีเอ็มดับเบิลยู iX3 ยังรองรับการชาร์จจาก 0 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ได้ภายใน 34 นาที นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู iX3 ยังมาพร้อมระบบการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่แบบแปรผัน (Adaptive recuperation) เพิ่มสมรรถนะและความสะดวกสบายระหว่างการขับขี่  ระดับการดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่จะแปรผันตามสภาวะถนนซึ่งอ้างอิงจากข้อมูลในระบบนำทางและเซนเซอร์ในระบบช่วงเหลือผู้ขับขี่ ช่วยให้การบริหารจัดการเส้นทางในระยะทางกว่า 400 กิโลเมตรต่อการชาร์จ ให้เป็นไปอย่างสะดวกสบาย

นอกจากสามารถใช้งานได้หลากหลาย ให้ความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร เทคโนโลยีช่วยผู้ขับขี่ซึ่งผ่อนภาระในการขับขี่ระยะยาวให้สบายขึ้น ยังประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานอีกด้วย ซึ่งหากคำนวนคร่าวๆ ได้เสียค่าชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์อยู่ที่ราว 5,600 บาท ซึ่งหากทริปนี้เดินทางด้วยรถยนต์ปกติ คาดว่าจะต้องเสียค่าน้ำมันไปกว่า 14,000 บาท

เสริมความอุ่นใจด้วยเทคโนโลยีช่วยผู้ขับขี่ เส้นทางยาวไกลแค่ไหนก็ไร้กังวล

เพราะเป็นการเดินทางไกล สมรรถนะและเทคโนโลยีช่วยขับขี่จึงเป็นเรื่องแรกที่ต้องคำนึงถึง หนึ่งในเทคโนโลยีช่วยขับขี่บนทางด่วนไฮเวย์ในประเทศมาเลเซียจึงเป็นระบบ Active Cruise Control ซึ่งเป็นระบบ

ล็อกความเร็วคงที่ตามความต้องการของผู้ขับขี่ จึงช่วยผ่อนแรงในการขับรถทางไกลได้เป็นอย่างดี ทั้งยังนั่งสบายด้วยช่วงล่างแบบ Adaptive ปรับระดับด้วยไฟฟ้าตามสภาพถนนและสภาวะการขับขี่ ช่วยให้การเดินทางในเส้นทางขึ้นลงเขาเป็นไปได้ง่ายขึ้นแม้ในช่วงเวลาที่ฝนตก ในขณะที่ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Attentiveness Assistant) ซึ่งทำงานผ่านเทคโนโลยี AI ช่วยสังเกตอัตราการเหยียบคันเร่ง การบังคับของพวงมาลัย และประเมินความพร้อมของร่างกายผู้ขับขี่จากลักษณะการเหยียบคันเร่ง พร้อมส่งสัญญาณเตือนให้พักจากการขับรถ ทั้งยังช่วยหาร้านกาแฟหรือสถานที่พักริมทางให้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีระบบนำทาง BMW Maps ที่ช่วยนำทางได้อย่างแม่นยำ และระบบผู้ช่วย Intelligent Personal Assistant ที่สามารถสั่งการฟังก์ชันต่าง ๆ รวมถึงค้นหาสถานที่สำคัญได้ด้วยคำสั่งเสียง และไฮไลท์ของทริปอย่างแอปพลิเคชัน My BMW ที่สามารถรับ-ส่งข้อมูลไปที่รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู iX3 ของอู๋ได้อย่างต่อเนื่องตลอดการเดินทางครั้งนี้ ช่วยให้สามารถเช็คและอัปเดตข้อมูลได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นปริมาณไฟฟ้าคงเหลือหรือข้อมูลการชาร์จไฟฟ้า หรือฟังก์ชันอื่น ๆ ในแอปพลิเคชัน โดยสามารถปรับเป็นเวลาท้องถิ่นได้อัตโนมัติได้จึงหายห่วงเรื่องไทม์โซนอีกด้วย


รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู iX3 กับการขับขี่ระยะไกลในเส้นทางไทย - สิงคโปร์ - ไทย เป็นครั้งแรก

จัดเก็บกระเป๋าเดินทางและสัมภาระได้อย่างจุใจ นั่งสบายแบบฟังก์ชันครบครัน นอกจากระยะทางแล้วอีกหนึ่งความท้าทายของทริปที่ใช้เวลายาวนานกว่า 10 วันคือการขนสัมภาระและอุปกรณ์ต่าง ๆ ของทั้งอู๋ ภรรยา และผู้ร่วมทริปอีกสองท่าน รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู iX3 โดดเด่นเรื่องการใช้งานที่หลากหลายและความโอ่อ่าในห้องโดยสาร ทำให้การเดินทางไกลข้ามประเทศสะดวกสบายและไม่เหนื่อยล้าจนเกินไป ส่วนเบาะหลังพับได้แบบ 40:20:40 สามารถปรับเพิ่มปริมาตรการบรรจุสัมภาระจาก 510 ถึง 1,560 ลิตร จึงสามารถจัดเก็บสัมภาระของทุกคนได้อย่างลงตัว ยิ่งไปกว่านั้นยังมาพร้อมกับระบบความบันเทิงและการสื่อสารเพื่อเสริมบรรยากาศให้การเดินทางน่าประทับใจขึ้นอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นระบบเครื่องเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon หรือระบบ BMW Live Cockpit Professional

ประสบการณ์การเดินทางข้ามประเทศในเส้นทางไทย - สิงคโปร์ - ไทย กว่า 4,100 กิโลเมตร ด้วยรถยนต์ไฟฟ้าของ อู๋ – อติชาญ เชิงชวโน ยังได้รับความร่วมมือจากมิชลินที่มอบ Michelin Pilot Sport 4 SUV ยางรถยนต์คุณภาพซึ่งพัฒนามาเพื่อใช้กับรถยนต์เอสยูวีสมรรถนะสูงโดยเฉพาะ ให้การยึดเกาะถนนที่ยอดเยี่ยมทั้งบนผิวถนนแห้งและถนนเปียก มั่นใจในการเดินทางตลอดเส้นทาง รวมถึง เอไอเอส ที่สนับสนุนการเชื่อมต่อสัญญาณ 5G ให้กับโทรศัพท์มือถือ ที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ตลอดเส้นทางในประเทศไทยและการเชื่อมต่อสัญญาณ 5G ในต่างประเทศ และการท่องเที่ยวสิงคโปร์ที่อำนวยความสะดวกในการประสานงานสำหรับการเดินทางในประเทศสิงคโปร์อีกด้วย

สำหรับคลิปวิดีโอพิเศษ กับการบันทึกครั้งแรกของการเดินทางข้ามพรมแดนของ อู๋ – อติชาญ เชิงชวโน ด้วยรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู iX3 สามารถรับชมได้ทาง YouTube ที่ช่อง Spin9 หรือ https://youtu.be/TROS8e_8frA ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันที่ 11 สิงหาคม พศ. 2565 เป็นต้นไป


 (จากซ้าย)

1. กฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย   

2. ปรีชา นินาทเกียรติกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย                                                                                                          3. มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย                           

4. อู๋ อติชาญ เชิงชวโน 

5. ซู่ชิง จิตต์สุภา ฉิน                                             

6. วสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าฝ่ายงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ บริษัท แอดวานซ์  อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)                                                                                           7. วิเนต องค์เนกนันต์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด B2C ประเทศไทย บริษัท สยามมิชลิน จำกัด

8. สุวิชชา สุดใจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการบริษัท อีวี มี พลัส จำกัด                                                               

9. คุณคัมภีร์ ธรรมธาราณา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิวชั่น ฮับ จำกัด (ตัวแทนจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสง Blaupunkt แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย)


บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป  

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก เราผลิตและจำหน่ายรถยนต์ภายใต้แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ, โรลส์-รอยซ์ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด โดยมีเครือข่ายการผลิตมากกว่า 30 แห่งทั่วโลก อีกทั้งยังมีเครือข่ายผู้จำหน่ายและบริการมากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก  

ในปี พ.ศ. 2564 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มียอดขายรถยนต์กว่า 2.5 ล้านคัน และมอเตอร์ไซค์กว่า 194,000 คันทั่วโลก กำไรก่อนหักภาษีในปีงบประมาณ 2564 อยู่ที่ 16.1 พันล้านยูโร จากรายได้รวม 111.2 พันล้านยูโร โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 บีเอ็ม ดับเบิลยู กรุ๊ป มีพนักงานทั้งหมด 118,909 คนทั่วโลก 

ความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ได้รับการขับเคลื่อนจากพลังแห่งวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี โดยวางรากฐานความสำคัญสำหรับอนาคตตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม โดยคำนึงถึงความยั่งยืนและการบริหารจัดการการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดตั้งแต่กระบวนการการผลิตสินค้าไปยังผู้บริโภค หรือซัพพลายเชนในทุกผลิตภัณฑ์และในทุกขั้นตอนการผลิตอีกด้วย  


บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย  

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เป็นสาขาของ BMW AG ประเทศเยอรมนี ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2541 ประกอบด้วยสี่บริษัท ได้แก่ บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการขายและการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ภายใต้แบรนด์ บีเอ็มดับเบิลยูและบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านบริการทางการเงินสำหรับผู้จำหน่ายรถยนต์และลูกค้าบุคคล และบริษัท บีเอ็มดับเบิลยู พาร์ทส์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการผลิตชิ้นส่วนสำหรับการประกอบมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด สำหรับโรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ณ จังหวัดระยอง  

ในปี 2564 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งด้วยสถิติยอดจดทะเบียนรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิจำนวน 11,032 คัน โดยแบ่งเป็นยอดจดทะเบียนรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรวม 9,982 คัน และยอดจดทะเบียนรถยนต์มินิ 1,050 คัน ด้านบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ยังคงรักษาผลงานที่แข็งแกร่งไว้ได้ ด้วยยอดจดทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ทั้งหมดรวม 1,197 คัน  

ในด้านการผลิต โรงงานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นเครื่องสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่มีต่อตลาดในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะตลาดประเทศไทย ว่าเป็นตลาดที่สามารถเติบโตได้อย่างมีนัยยะสำคัญ และด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่ตั้ง ฐานการผลิตที่แข็งแกร่ง และพนักงานผู้เชี่ยวชาญในด้านยนตรกรรม ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการประกอบยนตรกรรมของบีเอ็มดับเบิลยูในภูมิภาคอาเซียนที่ผ่านมานอกจากนี้ โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการขยายกระบวนการประกอบภายในโรงงานและเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สืบเนื่องจากการจัดซื้อชิ้นส่วนยานยนต์จากประเทศไทยในแต่ละปีเป็นจำนวนมากเพื่อป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตในประเทศและเพื่อส่งออก คิดเป็นมูลค่ากว่า 4 พันล้านบาทต่อปี บีเอ็มดับเบิลยูจึงจัดตั้งสำนักงานจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์ขึ้นในประเทศไทยด้วย เพื่อจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์จากซัพพลายเออร์ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เพื่อรองรับเครือข่ายการผลิตของบีเอ็มดับเบิลยู 31 แห่ง ใน 15 ประเทศทั่วโลก  

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย สามารถประกอบรถยนต์และมอเตอร์ไซค์รุ่นต่าง ๆ ทั้งหมด 18 รุ่น ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 2 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 บีเอ็มดับเบิลยู X1 บีเอ็มดับเบิลยู X3 บีเอ็มดับเบิลยู X5 บีเอ็มดับเบิลยู X6 และบีเอ็มดับเบิลยูู X7 สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู F 900 R บีเอ็มดับเบิลยู F 900 XR บีเอ็มดับเบิลยู F750 GS บีเอ็มดับเบิลยู F 850 GS บีเอ็มดับเบิลยู F 850 GS Adventure บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS Adventure บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 R และบีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทยยังขยายสายการประกอบรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด 5 รุ่นในประเทศไทย ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 330e บีเอ็มดับเบิลยู 530e บีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive30e บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive45e และบีเอ็มดับเบิลยู 745Le xDrive