1 มิ.ย. 2565 1,565 183

SAMART มั่นใจธุรกิจฟื้นตัวในปี 65 ตั้งเป้าได้งานโครงการใหม่ไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท แม้ปีนี้จะยังไม่เห็นกำไร พร้อมเปิดตัวทีม Start up กลุ่มแรก เครือ SDC

SAMART มั่นใจธุรกิจฟื้นตัวในปี 65 ตั้งเป้าได้งานโครงการใหม่ไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท แม้ปีนี้จะยังไม่เห็นกำไร พร้อมเปิดตัวทีม Start up กลุ่มแรก เครือ SDC

กลุ่มสามารถ ย้ำทุกสายธุรกิจมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเปิดประเทศและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยสามารถเทลคอม ซึ่งตั้งเป้าได้งานโครงการใหม่ในปี 65 มูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท ในไตรมาสแรกเซ็นต์สัญญาไปได้แล้วกว่า 3,000 ล้านบาท ส่วนสามารถดิจิตอล หรือ SDC ก็ฉายแววพลิกฟื้นอย่างชัดเจน จากรายได้ประจำของธุรกิจ DTRS และรายได้ที่พร้อมจะโตอย่างต่อเนื่องจากธุรกิจ Digital Content & Service ที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ในยุคดิจิตอล ทั้งนี้ จึงมีการเปิดตัว LUCKY Heng Heng บริษัทที่ดำเนินธุรกิจสายมูในรูปแบบ Start Up แรกของ SDC เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน


วัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ รองประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายกลยุทธ์องค์กรและพัฒนาธุรกิจใหม่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า “ผลการดำเนินงานของกลุ่มสามารถในช่วงไตรมาสแรกของปี 65 นับว่าเป็นไปตามคาด โดยมีผลงานเด่น คือ การติดตั้งและส่งมอบโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตสินค้าประเภทสุราแช่ชนิดเบียร์ ที่ผลิตและจำหน่ายในประเทศ ซึ่งมีมูลค่าโครงการรวม 8,000 ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเริ่มให้บริการพิมพ์รหัสควบคุมบนบรรจุภัณฑ์ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. เป็นต้นมา ทำให้บริษัทเริ่มทยอยรับรู้รายได้ โดยในปีนี้จะมีรายได้ทั้งสิ้นประมาณ 600 ล้านบาท ในขณะที่สายธุรกิจ U-Trans โดยเฉพาะ CATS ส่งสัญญาณบวกของการฟื้นตัวอย่างชัดเจน จากจำนวนเที่ยวบินในไตรมาสแรกที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 38% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน ส่วนสายธุรกิจ ICT ก็มีแนวโน้มการเติบโตที่โดดเด่นเช่นกัน โดยในปีนี้เราตั้งเป้าชนะโครงการประมาณ 11,000 ล้านบาท แค่เฉพาะไตรมาสแรก มีการเซ็นต์สัญญาใหม่ไปแล้ว มูลค่ารวมกว่า 3,000 ล้านบาท ส่งผลให้มี Backlog ณ สิ้นไตรมาสแรกสูงถึง 8,000 ล้านบาท  

โดยบริษัท ฯ มุ่งนำเสนอ 4 โซลูชั่นมาแรง 1. Financial and Banking Solution ที่จะมีการขยายสาขา Smart Branch Outsourcing ในเฟสต่อไป 2. Solutions for Utility Sector ที่จะมีการจัดหา e-Meter สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อยทั่วประเทศ และการขยายฐานลูกค้า ERP ไปยังกลุ่ม Utility Sector อื่นๆ  3. E- Payment Solution ที่จะนำเสนอ Platform ที่เชื่อมทุก Wallet รองรับได้ทุก Platform ชำระเงินได้ทุก Merchant และ 4 Cyber-Security Solution ที่กำลังขยายฐานลูกค้าเข้าสู่ กลุ่ม Utility กลุ่มธนาคารและอื่นๆ สายธุรกิจ Samart Digital (SDC)  




กระจายความเสี่ยงและสร้างสมดุลย์ให้กับพอร์ตธุรกิจด้วย 2 สายธุรกิจ คือ Digital Trunk Radio System (DTRS) เน้นสร้างรายได้ประจำจากค่าใช้บริการรายเดือนและค่าเช่าเครื่องลูกข่าย ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้บริการจาก 2 หน่วยงาน คือกระทรวงมหาดไทย และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จำนวน 85,000 เครื่องคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 115,000 เครื่องในสิ้นปีนี้


อีกหนึ่งธุรกิจ คือ Digital Content & Service  เน้นสร้างรายได้เติบโตตาม Digital Trend & Lifestyle ของคนยุคใหม่ โดยจะส่งผ่าน Content และบริการสายมู สายกีฬา และ Lifestyle ไปสู่ผู้บริโภคผ่าน Application ที่ครบครันและง่ายต่อการใช้งาน นอกจากนี้ บริษัทยังได้จัดตั้งบริษัท LUCKY Heng Heng ขึ้น โดยใช้รูปแบบการระดมทุนและการบริหารงานแบบ Start up เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและรองรับการทำงานของคนรุ่นใหม่ ซึ่งภายใต้บริษัทนี้ จะประกอบธุรกิจสายมู คือ Horoworld Mobile Application เป็น One stop Service ทางด้านโหราศาสตร์และความเชื่อ ประกอบด้วยบริการดูดวงสดออนไลน์ ดูโหงวเฮ้ง ฮวงจุ้ย และฤกษ์มงคลต่างๆ  และเร็วๆนี้ จะเปิดตัวอีกหนึ่ง Application ภายใต้ชื่อ “Thai merit” ที่จะช่วยให้สายบุญสามารถไหว้พระ บริจาคเงิน แก้บน เสี่ยงเซียมซี ตลอดจนการบูชาวัตถุมงคล ได้กับทุกวัด ทุกสถานที่ศักด์สิทธิ์ ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยไม่ต้องเดินทาง


วัฒน์ชัย กล่าวทิ้งท้ายว่า “นอกเหนือจากความพยายามในการฟื้นฟูธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์โรคระบาดแล้ว บริษัทได้ศึกษาและมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆอยู่เสมอ เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงและการเติบโตอย่างยั่งยืน ยิ่งไปกว่านั้น ยังได้หาแนวทางในการลดภาระค่าใช้จ่ายทางการเงิน และเพิ่มความคล่องตัวในการลงทุน อาทิ การออกหุ้นกู้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา และกำลังศึกษาแนวทางในการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน Infrastructure Fund เพื่อระดมทุนมาใช้ในโครงการ DTRS หากมีความคืบหน้า ก็จะนำเสนอต่อไป



ทั้งนี้ Adslthailand สอบถามเพิ่มเติมกับ วัฒน์ชัย ซีอีโอ ได้กล่าวต่อว่า รายได้ที่เพิ่มสูงขึ้นที่คาดว่าจะถึงเป้าหมายคือ 14,000 ล้านบาทนั้น มีความเป็นไปได้สูง  เนื่องจากสถานการณ์โควิค19 เริ่มคลี่คลายลงรายได้ส่วนต่างๆ จึงเริ่มดีขึ้น

จากรายได้ในปีที่ผ่านมาที่ขาดหายไปเริ่มกลับมามีรายได้สูงขึ้น โดยเฉพาะกรมการบินประเทศกัมพูชา เนื่องจากประเทศกัมพูชามีการเปิดประเทศในเดือนมีนาคม 2565 ยังไม่รวมรายได้ในการดำเนินการกับกรมสรรพสามิตเริ่มเห็นตัวเลขเพิ่มขึ้นเนื่องจากเราได้ติดตั้งระบบในโรงงานเป็นที่เรียบร้อยแล้วทำให้เรามีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1 สตางค์ต่อขวด 



รายได้ส่วนใหญ่นั้นที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนเกิดจากการเซ็นสัญญาเพิ่มเติมโดยสัญญาที่เซ็นมีมูลค่าสูงสุดนั่นคือสัญญาของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 2,260 ล้านบาทและยังไม่รวมกับโครงการภาครัฐอื่นๆที่ทางบริษัทสามารถคว้าการประมูลมาได้เป็นที่เรียบร้อย 


กลุ่มธุรกิจ Financial Solution ทางบริษัทได้ขยายความร่วมมือหลายธนาคารไม่ว่าจะเป็นธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร  ธนาคารกรุงเทพและระบบจ่ายเงินในห้างสรรพสินค้าต่างๆล้วนแล้วแต่เป็นระบบที่สามารถดูแลอยู่ 


ส่วนธุรกิจ Digital Trunk Radio System (DTRS) ทางบริษัทสามารถได้เริ่มส่งมอบอุปกรณ์ให้กับกระทรวงมหาดไทยนอกจากนี้เรายังได้รับความเชื่อมั่นและใช้บริการจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และหน่วยงาน อบต. ในอนาคตธุรกิจที่เคยขาดทุน Infrastructure เตรียมดำเนินงานให้กลายสภาพเป็นกองทุนโทรคมนาคมอีกแห่งหนึ่งเพื่อให้บริการเสารับส่งสัญญาณโทรคมนาคมเพิ่มเติม ซึ่งปัจจุบันเสาโทรคมนาคมที่สามารถดูแลอยู่นั้นเป็นเสาโทรคมนาคมที่ยังมีการใช้งานอยู่โดยเฉพาะ Digital Trunk Radio System (DTRS)  


ธุรกิจ Digital Content & Service เราแปรสภาพให้กลายเป็นกลุ่มธุรกิจ startup ซึ่งเดิมมาจากการทำธุรกิจ 1113 ซึ่งเป็นสายงานธุรกิจ Content ได้เตรียมเปิดตัวแอพพลิเคชั่นดูดวง Horoworld รวบรวมหมอดูที่มากที่สุดในประเทศไทยและแอพพลิเคชั่น ThaiMerit เพื่อการทำบุญผ่าน บริษัท ลักกี้เฮงเฮง ตั้งเป้ารายได้ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาทต่อเดือน


ทั้งนี้ กำหนดการเปิดตัวแอพพลิเคชั่น ThaiMerit ภายในเดือนมิถุนายน 2565 และ เปิดตัวแอพพลิเคชั่น Horoworld ภายในเดือนกรกฏาคม 2565 ในอนาคตจะมีธุรกิจใหม่การทำคลิปรูปแบบของ NFT ที่เกี่ยวข้องกับกีฬาและของสะสมระดับโลก อยู่ในขั้นตอนของการเจรจาราคาเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ระดับโลก

COMMENTS