2 ก.ย. 2562 5,519 226

ประเทศจีน ประสบความสำเร็จ ใช้ระบบ AI สแกนใบหน้าเพื่อชำระค่าบริการรถสาธารณะ พร้อมลุยระบบสแกนเสียง

ประเทศจีน ประสบความสำเร็จ ใช้ระบบ AI สแกนใบหน้าเพื่อชำระค่าบริการรถสาธารณะ พร้อมลุยระบบสแกนเสียง

โดยตัวผู้ใช้งานต้องเปิดฟังก์ชันการรับส่งข้อมูลส่วนบุคคลและรูปภาพสำหรับการตรวจสอบการจับใบหน้าและสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ การผูกระบบบัญชีของธนาคารเพื่อชำระค่าใช้บริการ ซึ่งไม่ได้แตกต่างจากระบบเติมเงินและทำให้สามารถทราบถึงยอดเงินคงเหลืออีกด้วย

 

ซึ่งระบบนี้เริ่มให้บริการตั้งแต่รถบัสที่ขนส่งผู้โดยสารของเมืองเซี่ยงไฮ้ ให้บริการระบบ AI เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถซื้อตั๋วได้อัตโนมัติ

โดยตัวระบบนั้นสามารถรับรู้ได้ทันที ภายใน 1 วินาที จากผู้ใช้งานสแกนใบหน้า ซึ่งถือเป็นย่างก้าวที่สำคัญสำหรับการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้งาน

สอดคล้องกับทางรัฐบาลจีนและภาคเอกชน ทั้ง Alibaba, Tencent, Suning และบริษัทอื่นๆ ของประเทศจีน ได้พยายามผลักดันเทคโนโลยีเพื่อยกระดับการขนส่งภายในชาติ "smart transportation”

ที่ผ่านมา ปี 2560 ทางรัฐบาลของประเทศจีนเริ่มทดสอบระบบการให้บริการการชำระเงินผ่านทางการสแกนใบหน้า กับบริการขั้นพื้นฐานอย่างขบวนรถไฟฟ้าความเร็วสูงหลายสาย โดยทำการเปรียบเทียบกับภาพถ่ายหน้าบัตรประชาชนโดยตรง โดยปลายปีเดียวกันนั้นเอง Shanghai Shentong Metro ร่วมมือกับ Alibaba และ Ant Financial ได้ร่วมกันพัฒนาระบบการจองตั๋วโดยการสแกนใบใบหน้าผ่านระบบ AI แล้วนำไปให้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินในระยะถัดไป

ในเดือนมิถุนายน 2561 ทาง Guangzhou Yangchengtong Companyได้ทำการทดสอบระบบ Guangzhou BRT station โดยทดสอบการสแกนใบหน้ากับแสงในสถานที่จริงๆ ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ทำการเชื่อมระบบกับ "Yangchengtong" card และระบบ QR code สามารถทำรายการได้ภายในระยะเวลา 3 วินาที

ช่วงเดือนกรกฎาคม 2562 กลุ่ม Chongqing Traffic Investment Group ได้ให้บริการระบบการชำระค่าบริการผ่านทางใบหน้าเต็มรูปแบบทั้ง Shenzhen Metro โดยมี Tencent และ Guangdian Expressกับระบบทางการเงิน “Biometric + Credit Payment” เข้าร่วมกัน

เดือนสิงหาคม 2561 สถานีรถไฟ Ningbo เริ่มใช้ระบบการชำระเงินผ่านใบหน้าโดยไม่ใช้กระดาษ ทำการเปิดปิดประตูรถแบบอัตโนมัติ เพื่อเข้าสู่สถานีได้เร็วขึ้น ทำเวลาเพียง 5 วินาที เร็วมากขึ้นถึง 4 เท่า

สาเหตุทำไมถึงต้องพัฒนาระบบเทอร์มินัล (สถานีรถไฟขนาดใหญ่) ให้หันมาใช้งานระบบชำระเงินทางไบโอเมตริกซ์หรือการชำระเงินผ่านใบหน้า

1. การระบบชำระเงินทางไบโอเมตริกซ์หรือการชำระเงินผ่านใบหน้า ไม่ต้องสัมผัสกับเครื่องและไม่ต้องออกกฏบังคับใช้ เนื่องจากใบหน้าเป็นสิ่งที่เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว มีความเสถียรไม่แตกต่างกับลายนิ้วมือ

2. เทคโนโลยีจดจำใบหน้าสามารถพัฒนาเรื่องความรวดเร็วเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทำให้ร้านค้าปลีกนำข้อดีนี้มาพัฒนาระบบการชำระเงินได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งหลายๆผู้ให้บริการเริ่มทำการพัฒนาระบบดังกล่าวอย่างเต็มที่ เมื่อระบบมีความสามารถมากขึ้นและเพียงพอก็สามารถนำมาให้บริการระบบขนส่งสาธารณะและการดูแลทางการแพทย์ได้ในอนาคต

3. ประเทศจีนกำลังสร้างเมืองที่ชาญฉลาด ซึ่งระบบที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันมากที่สุด คือ ระบบขนส่งมวลชน ซึ่งทำให้เกิดการคล่องตัวในการเดินทางแล้วยังสามารถป้องกันบุคคลที่เป็นอันตรายขัดขวางความสงบเรียบร้อยของประชาชนได้อีกด้วย

การพัฒนาระบบเทอร์มินัล (สถานีรถไฟขนาดใหญ่) ต่อไปจะสามารถจดจำใบหน้าและเสียงได้อีกด้วยในอนาคต ซึ่งหากพัฒนาสำเร็จประเทศจีนจะเป็นประเทศที่กลายเป็นเมืองอัจฉริยะโดยง่าย



ข้อมูล
telpo

COMMENTS