26 ก.ค. 2562 2,771 64

ตำรวจเตือน AI, Quantum Computing และ 5G อาจนำไปสู่อาชญากรรมที่ร้ายแรงกว่าที่คิด

ตำรวจเตือน AI, Quantum Computing และ 5G อาจนำไปสู่อาชญากรรมที่ร้ายแรงกว่าที่คิด

การบังคับใช้กฎหมาย จำเป็นต้องมีการอัพเดตเรื่องเทคโนโลยี นวัตกรรม เพื่อให้รู้เท่าทันภัยคุกคามที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบทุกวัน ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้่ ได้มีการเตือนภัยอาชญากรรมที่เราคาดไม่ถึง

รายงานล่าสุดมีการเตือนว่า AI หรือปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence), Quantum Computing และ 5G รวมไปถึงการเติบโตของ Internet of Things นั้นนำมาซึ่งภัยคุกคามไซเบอร์ให้เข้าใกล้ตัวเรามากขึ้น ซึ่งอันตรายและร้ายแรงกว่าที่เราเคยคาดคิด และกฎหมายที่บังคับใช้ จะต้องปรับเปลี่ยนให้ทันต่อยุคสมัย ในการคุ้มครองสวัสดิภาพของประชาชนในเมือง

มีบทความ ที่ตีพิมพ์โดย Europol ชื่อ 'Do criminals dream of electric sheep: how technology shapes the future of crime and law enforcement' ซึ่งรายงานฉบับนี้ ได้กล่าวถึงเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยกับการบังคับใช้กฎหมายให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี อ้างอิงผลงานของนักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ Philip K. Dick ที่สำรวจว่า เรื่องราวในนิยายวิทศาสตร์ อาจเกิดขึ้นจริงในโลกไซเบอร์ กับอาชญากรรมร้ายแรงที่มาพร้อมเทคโนโลยี ซึ่งยิ่งกระตุ้นให้เกิดอาชญากรรมไซเบอร์มากขึ้น

ชี้ให้เห็นว่า มีการบังคับใช้กฎหมายจากเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อคุ้มครองจากอาชญากรรมไซเบอร์ ยกตัวอย่างเช่น AI นั้นมีเทคโนโลยีที่เอื้อต่อการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับระบบและอุปกรณ์

รายงานได้เตือนว่า มันสามารถช่วยให้แฮกเกอร์ทราบเงื่อนไขและวิธีการโจมตีที่เป็นอันตราย โดยใช้ AI เพื่อรันพฤติกรรมที่เป็นอันตราย และเข้าถึงเป้าหมายหรือเหยื่อได้ถูกต้องมากขึ้น ซึ่งการนำ AI มาใช้ นั้นมีทั้งข้อดี และข้อเสีย ขึ้นอยู่กับว่า เราเอาไปใช้งานในทางใด เรื่องนี้น่ากลัวมาก เพราะผู้ไม่ประสงค์ดีสามารถนำไปใช้ก่ออาชญากรรม เคยมีรายงานว่า มีการใช้ deepfakes และ disinformation มากลั่นแกล้งผู้บริหารระดับสูง โดยปลอมเสียงเป็นผู้บริหาร เพื่อใช้ฉ้อโกงองค์กร

Quantum Computing ถ้าอยู่ในมือคนดี ก็ส่งเสริมเรื่องดี แต่หากตกไปอยู่ในมือคนคิดไม่ดี ก็จะนำความเสี่ยงกับอาชญากรรมไซเบอร์เข้ามายังประชากรของยุโรป
ผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่า Quantum Computing ช่วยเรื่องความปลอดภัยให้รัดกุมขึ้น โดย Europol เตือนว่า เทคโนโลยีทำให้เกิดคุณอนันต์ และเกิดโทษมหันต์ได้ หากตกไปอยู่ในมือคนที่คิดไม่ดี

ถือเป็นการเตือนที่ทำให้เราตระหนักถึงภัยคุกคามไซเบอร์มากขึ้น จากปกติที่เรามองว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่ขึ้นชื่อว่า อาชญากรรม นั้นเกิดขึ้นได้กับทุกคน

นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการเชื่อมต่อ 5G ซึ่งอาจเกิดขึ้นกับการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งกฎหมายเองก็ต้องทบทวนและปรับให้รองรับกับเทคโนโลยีในปัจจุบัน เทคโนโลยี 5G อาจมีผลจากการยืนยันตัวตนผ่านซิมการ์ด ซึ่งกฎหมายบังคับให้สามารถตรวจสอบค้นหาตำแหน่งของอุปกรณ์ได้ ทำให้การตรวจสอบทางเทคนิค และการเฝ้าระวัง ภัยคุกคามไซเบอร์ทำได้ยากขึ้น

ในขณะที่อาชญากรรมไซเบอร์มีการปรับตัวอยู่ตลอดเวลา แต่วิธีการตรวจสอบยังล้าสมัย ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อการก่ออาชญากรรมไซเบอร์ เพราะกฎหมายปรับตัวไม่ทัน

ส่วนการเติบโตของ Internet of Things ทำให้กังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะจากเดิม อุปกรณ์ไม่มีชีวิต แต่ทุกสิ่งทุกอย่าง เชื่อมต่อกัน มีชีวิต ก็ทำให้กังวล เช่น Mirai botnet มีอุปกรณ์ IoT ในบ้านและที่ทำงาน ที่ทำให้กังวลความเป็นส่วนตัว

รายงานได้เตือนว่า ภัยคุกคามจากช่องโหว่ของอุปกรณ์ IoT นั้นเกิดจากการพยายามเก็บข้อมูลส่วนตัว การเข้าไปแฝงตัวกับคนหรือองค์กร

Europol พยายามอย่างเต็มที่ ในการเพิ่มความปลอดภัยให้กับ Internet of Things แต่องค์กรตระหนักเรื่องความจำเป็นในการนำมาใช้งาน

อย่างไรก็ตาม รายงานนี้ไม่ได้ชี้ชัดทั้งหมด เทคโนโลยีล้ำมากขึ้น ช่วยบังคับใช้กฎหมายได้ดีขึ้น ด้วย AI และ machine learning ช่วยปกป้องเราจากภัยคุกคาม อาชญากรรมไซเบอร์ และการก่อการร้าย

Catherine De Bolle ผู้อำนวยการบริหารของ Europol ยอมรับว่า ความสามารถของอาชญากรรมไซเบอร์นั้นมีการเปลี่ยนแปลง ปรับตัวตลอดเวลา แต่อย่างไรก็ตาม เราจะต้องปกป้องพลเมืองของ EU ให้ปลอดภัย

zdnet

COMMENTS