7 ก.พ. 2562 2,973 366

AIS ประกาศผลประกอบการ ปี 2561 กำไรสุทธิ 29,682 ล้านบาท เสนอจ่ายเงินปันผล 3.30 บาท ต่อหุ้น ในวันที่ 18 เมษายน

AIS ประกาศผลประกอบการ ปี 2561 กำไรสุทธิ 29,682 ล้านบาท  เสนอจ่ายเงินปันผล 3.30 บาท ต่อหุ้น ในวันที่ 18 เมษายน

สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “ตลอดปี 2561 ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมโทรคมนาคมยังคงถูก ท้าทายด้วยความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีอยู่เสมอ โจทย์สำคัญอยู่ที่การผสมผสานความสามารถของเทคโนโลยียุคใหม่และการเสริมสร้างการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพให้บุคลากรอย่างมืออาชีพ และที่สำคัญที่สุด คือการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย โดยภาพรวมผลประกอบการของทั้งปี 2561 รายได้รวมเติบโตขึ้น 7.7% จากปีก่อน ทำให้ยังคงสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดเชิงรายได้มากที่สุดในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่กว่า 48% เป็นผลมาจากการใช้งานดาต้าที่เพิ่มขึ้นจาก 6.7 กิกะไบต์ต่อเดือน ในปี 2560 เป็น 11 กิกะไบต์ต่อเดือนในปี 2561 และมีผู้ใช้งานมือถือ 4G คิดเป็นสัดส่วน 59% ของฐานลูกค้าทั้งหมดกว่า 41 ล้านเลขหมาย สำหรับธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้าน เอไอเอส ไฟเบอร์ มีลูกค้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นกว่า 209,300 ราย หรือคิดเป็นกว่า 20% ของการเติบโตของตลาด ทำให้ปัจจุบัน เอไอเอส ไฟเบอร์ มีลูกค้าจำนวน 730,500 ราย พร้อมทำตลาดต่อเนื่องด้วยกลยุทธ์ Fixed-Mobile Convergence

ขณะเดียวกัน เอไอเอส มีการใช้งบลงทุนรวม 20,198 ล้านบาท และบริหารค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทยังคงสร้างผลกำไรต่อเนื่อง เป็นจำนวน 29,682 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน และเสนอจ่ายเงินปันผลคิดเป็น 3.30 บาทต่อหุ้น หรือประมาณ 70% ของกำไรสุทธิ ในวันที่ 18 เมษายน

ปี 2561 เอไอเอส ได้ลงทุนในโครงการสำคัญอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ทุกหน่วยธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงในระยะยาว รวมทั้งหมด 4 ด้าน ได้แก่

1. การประมูลคลื่นความถี่ 1800MHz เพิ่มเติม เพื่อเสริมศักยภาพด้านโครงข่าย 4G ให้เป็นโครงข่ายที่เร็วที่สุดและมีคลื่นความถี่รองรับมากที่สุด ส่งผลให้เอไอเอสเป็นเพียงโอเปอเรเตอร์รายเดียวที่มีคลื่น 1800MHz ยาวต่อเนื่องกันเต็มบล็อก 2x20MHz หรือที่เรียกว่า “Super Block” ทำให้ลูกค้าที่ใช้ 4G ทั่วประเทศ ได้ความเร็วเพิ่มขึ้น 15-30% ในทันที

2. ขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์ เพื่อให้บริการ FTTH: Fiber to the Home รองรับการใช้งานของลูกค้าอินเทอร์เน็ตบ้าน เอไอเอส ไฟเบอร์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ครอบคลุม 57 จังหวัด กว่า 7 ล้านครัวเรือน

3. การซื้อกิจการ CSL เพื่อขยายการทำธุรกิจในกลุ่มลูกค้าองค์กร (Enterprise Business) โดยเฉพาะในงานบริการด้าน Cloud, Managed ICT Service ด้วยแนวคิดผู้นำบริการ ICT เพื่อองค์กรครบวงจร

4. จับมือร่วมลงทุนกับพันธมิตรชั้นนำของประเทศอย่าง LINE และ Rabbit ให้บริการ Rabbit LINE Pay เพื่อขยายช่องทางในงานบริการลูกค้าด้าน Mobile Money หรือ e-Wallet ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เป็นการเน้นย้ำความสำคัญของการก้าวเข้าสู่สังคมไร้เงินสดได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของทุกช่วงวัย

สำหรับในปี 2562 เอไอเอส คาดการณ์การเติบโต โดยมีรายได้เติบโตในระดับ mid-single digit และมีอัตราทำกำไร EBITDA ที่ใกล้เคียงกับปีก่อน เป็นผลจากการใช้งาน 4G และการขยายบริการอินเทอร์เน็ตบ้าน เอไอเอส ไฟเบอร์ โดยตั้งเป้าหมายลูกค้า 1 ล้านราย ภายในปีนี้ รวมถึงผลักดันการดำเนินธุรกิจบริการแก่กลุ่มลูกค้าองค์กร ทั้งในบริการ Data Service, Cloud และ Managed ICT พร้อมวางงบประมาณการลงทุนไว้ 20,000-25,000 ล้านบาท เพื่อเสริมโครงข่าย 4G ให้มีคุณภาพที่ดีอย่างต่อเนื่อง และมีโครงข่ายที่สามารถรองรับการต่อยอดไปสู่การใช้งาน 5G รวมทั้งขยายการให้บริการอินเทอร์เน็ตบ้าน เอไอเอส ไฟเบอร์ ในพื้นที่ใหม่เพิ่มเติม พร้อมลงทุนในธุรกิจ Digital Platform เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

“เอไอเอส ในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัล จำเป็นที่จะต้องเตรียมความพร้อม และพัฒนาสินค้าและบริการต่างๆ เพื่อนำเอาขีดความสามารถของเทคโนโลยีมาสร้างให้เกิดประสิทธิภาพในการดำเนินงาน รวมถึงการเดินหน้าสร้าง Ecosystem กับภาคส่วนต่างๆ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนประเทศไทยให้พร้อมสำหรับการแข่งขันในเวทีระดับสากล โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมสำหรับเทคโนโลยี 5G ที่จะมีส่วนพลิกโฉมและสร้างการเปลี่ยนแปลงทั้งในแง่ธุรกิจและไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า” สมชัย กล่าวสรุป

COMMENTS